http://www.m...530000125525ทางเลือกใหม่สำหรับผู้ใช้รถ ใช้ถนนกับระบบรายงานสภาพการจราจรผ่านคลื่นเอฟเอ็ม 99.0 MHz ส่งตรงไปยังเครื่องรับในอุปกรณ์นำทางในรถยนต์ ซึ่งสามารถสัญญาณข้อมูลมาพร้อมกับคลื่นรายการโดยไม่รบกวนสัญญาณการฟังรายการ และผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเปิดคลื่นวิทยุเพื่อรับฟังรายการ
รศ.ดร.สรวิศ นฤปิติ เลขานุการ มูลนิธิศูนย์ข้อมูลจราจรอัจฉริยะไทย และอาจารย์สาขาวิศวกรรมขนส่งและการจราจร คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยกับทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ว่า ทางมูลนิธิฯ ได้รับข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ (Real Time) ทั้งจากภาครัฐและเอกชน แล้วได้ให้บริการข้อมูลดังกล่าวผ่านเว็บไซต์ที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านช่องทาง เครื่องคอมพิวเตอร์พีซีหรือโทรศัพท์เคลื่อนที่และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้งานระบบอินเตอร์เน็ตได้
ล่าสุดมูลนิธิฯ ได้เปิดอีกช่องทางการให้บริการข้อมูลจราจรแก่ประชาชนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ผ่านคลื่นวิทยุเอฟเอ็ม อสมท. 99.0 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) เพียงแค่ติดตั้งอุปกรณ์นำทาง (nevigator) ที่มีฟังก์ชันการทำงาน RDS-TMC ซึ่งเครื่องดังกล่าวจะดักจับข้อมูลจราจรที่ส่งมาพร้อมกับคลื่นวิทยุโดยที่ ผู้ใช้ไม่ต้องเปิดเครื่องรับสัญญาณวิทยุเพื่อฟังรายการจากคลื่นดังกล่าว และผู้ที่ฟังรายการดังกล่าวก็ไม่รู้สึกถึงการรบกวนจากข้อมูลที่ส่งมา โดยมีสมาคมระบบขนส่งและจราจรอัจฉริยะไทยเป็นผู้ดำเนินการนำร่องในฐานะหน่วย งานรับข้อมูลระดับสอง (Tier-2) หรือผู้รับข้อมูลจากมูลนิธิในฐานะศูนย์ข้อมูลระดับแรก (Tier-1) ไปเผยแพร่แก่ประชาชน
ระบบดังกล่าวสามารถรายงานสภาพการจราจรในรูปแบบเส้นสี ได้แก่ เขียว คือสภาพจราจรที่รถสามารถเคลื่อนตัวด้วยความเร็วมากกว่า 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เหลือง คือสภาพจราจรที่รถสามารถเคลื่อนตัวด้วยความเร็วระหว่าง 15-25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ แดง คือสภาพจราจรที่รถสามารถเคลื่อนตัวด้วยความเร็วต่ำกว่า 15กิโลเมตรต่อชั่วโมง อย่างไรก็ดี การกำหนดเส้นสีดังกล่าวเป็นเพียงการกำหนดเบื้องต้นสำหรับการจราจรในกรุงเทพฯ ซึ่งต้องอาศัยข้อมูลและการศึกษาอีกมากในการกำหนดความเร็วมาตรฐานต่อไป
นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถระบุจุดหมายปลายทางเพื่อให้ระบบช่วยแนะนำ เส้นทางที่ไปถึงได้เร็วที่สุด ไม่ใช่เพียงแนะนำเส้นทางที่ใกล้ที่สุดให้แก่ผู้ใช้ได้ และในอนาคต รศ.ดร.สรวิช กล่าวว่า หากมีข้อมูลการจราจรมากขึ้นระบบสามารถคำนวณได้ว่าในแต่ละการเดินทางนั้นจะ ใช้เวลาเดินทางเท่าไร พร้อมทั้งระบุว่าข้อมูลที่นำมาใช้ในระบบการจราจรนั้นมี 2 ประเภท คือ ข้อมูลจากกล้องซีซีทีวี (CCTV) ของภาครัฐ และข้อมูลจากอุปกรณ์พกพาหรือโพรบ (Probe) เช่น โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์จีพีเอสบนรถแท็กซี่ เป็นต้น สำหรับข้อมูลภาพนั้นจะถูกแปลงเป็นข้อมูลเส้นสี รวมถึงนำภาพอุบัติเหตุและสิ่งกีดขวางต่างๆ มาประมวลผล ส่วนข้อมูลจากอุปกร์ณพกพาจะให้รายละเอียดการจราจรในถนนสายรองและตรอก ซอก ซอยต่างๆ ซึ่งเมื่อนำข้อมูลจากทั้ง 2 ส่วนมาประมวลผลร่วมกันจะได้ข้อมูลที่แม่นยำ
"ไทยกำลังเริ่มต้นขอการสนับสนุนการใช้ข้อมูลโพรบ แต่อีกส่วนที่เป็นความหวังคือโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งเรามีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือจำนวนมาก และมีจำนวนมากที่ขับรถไปพร้อมกับการใช้โทรศัพท์มือถือ และตอนนี้เรามีฟังก์ชันที่สามารถแยกได้ว่าผู้ใช้โทรศัพท์มือถือกำลังขับรถ หรือเดินอยู่ข้างถนน ถ้าทำได้จะเป็นอนาคตที่ดีมากๆ และเราก็ได้รับข้อมูลดังกล่าวจากค่ายมือถือทุกค่าย" รศ.ดร.สรวิชกล่าว
ทั้งนี้ ระบบดังกล่าวได้เปิดตัวพร้อมกับการเปิดตัวมูลนิธิศูนย์ข้อมูลจราจรอัจฉริยะ ไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 7 ก.ย.53 ณ กองบัญชาการตำรวจจราจร ถ.วิภาวดีรังสิต ซึ่ง นายนินนาท ไชยธีรภิญโย ประธานมูลนิธิศูนย์ข้อมูลจราจรอัจฉริยะไทย กล่าวว่าทางมูลนิธิมีบทบาทและหน้าที่เป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลจราจรจากทั้งภาค รัฐและเอกชนเพื่อพัฒนาคุณภาพของข้อมูลจราจรให้มีความถูกต้อง ทันสถานการณ์มากยิ่งขึ้น และสามารถนำไปเผยแพร่สู่สาธารณะเพื่อช่วยลดปัญหาจราจร ตลอดจนพัฒนาประสิทธิภาพระบบขนส่งของประเทศ
"เบื้องต้นมูลนิธิจะทำหน้าที่เป็นศูนย์ข้อมูลระดับแรกโดยนำข้อูลจาก แหล่งต่างๆ มาประมวลผลและวิเคราะห์สภาพจราจร จากนั้นเผยแพร่ในรูปแบบมาตรฐานของประเทศให้แก่หน่วยงานรับข้อมูลระดับที่ 2 เพื่อต่อยอดและเผยแพร่ถึงมือผู้ใช้ต่อไป และอนาคตทางมูลนิธิคาดหวังจากพัฒนาข้อมูลการจราจรให้ครอบคลุมทั่วประเทศด้วย ผู้สนใจสามารถดูสภาพการจราจรแบบ Real Time ผ่านทางเว็บไซต์ของมูลนิธิได้ที่
http://www.t...undation.org หรือ
www.iticfoundation.org" นายนินนาทกล่าว
ถ้าได้ละแจ๋วเลยครับ