สิ่งที่ต้องทำ
1. ทนกับกลิ่นได้ครับ และความรู้สึกแหยะแหยงตอนเปิดฝาถัง
2. กากน้ำตาลครับ กล้วยอะไรก็ได้ ผลไม้อะไรก็ได้ ใครชอบกินน้ำพันท์ก็จัดไปซะ
3. ถังตามขนาดที่ต้องการครับผม
4. อันนี้สำคัญหากใครมีน้ำ EM ในครอบครองอยู่ก่อนแล้วจะง่ายขึ้นเหมือนทำ Yogurt ครับ (หัวเชื้อข้าวหมากไม่ต้องนะครับ เสียดายเอาไปหมักข้าวเหนียวดำดีกว่า)
จากการสอบถามผู้เชี่ยวชาญด้าน Land Scape Designer ของคณะพบว่าทำได้ไม่ยากหากทำครั้งแรกอาจไม่สำเร็จก็อย่าท้อค่อยๆ ทำไปเพราะสูตรมันไม่ตายตัวขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ดังนั้น
คนสวนคณะผมจึงบอกว่า :newe4:
1. ถังน้ำขนาดที่ต้องการหากเป็นการทำครั้งแรกอย่าเพิ่งหาถังใหญ่ หากมันเสียแล้วงานจะเข้าครับ ล้างถังให้สะอาด อย่าให้มีผงซักฟอกตกค้าง (ถังประมาณ 10-15ลิตรก็พอสำหรับผู้เริ่มต้น)
2. เอาวัตถุที่จัดเตรียมทำน้ำพันท์ของเราหั่นใส่ลงไปซัก
ครึ่งถัง ล้างพวกผลไม้หรือผักที่มียาฆ่าแมลงก่อนนะครับ
3. เทกากน้ำตาลให้
ท่วมขึ้นมาจนได้ 3/4 ของถัง แล้วกวนให้เข้ากัน อย่าใส่เต็มเด๊ยวหาว่าไม่เตือน เมื่อมันระเบิดออกมาจะไม่สนุกเพราะแกสเยอะ
4. เท EM ซัก 1 ขวด 500ml ลงไป แล้วกวนให้ทั่วปิดฝา และนำ :newe7: ถังไปไว้ในที่ร่มอย่าให้โดนแดดและที่เย็นๆ หน่อยยิ่งดี (เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเนื่องจากเชื้อจุลรินย์ที่มีอยู่ในบ้านเราก็เก่งครับแต่ถ้าเป็นลูกครึ่งจะดียิ่งขึ้น)
5. ทุกๆ วันเราจำเป็นต้องกวนส่วนผสมในถังครับ เพิ่มเติมอากาศเข้าไปให้เชื้อได้รับอากาศทั่วถึงและกวนน้ำตาลให้ลอยขึ้นมาด้วย ซึ่งทำให้สิ่งที่เราหมักอยู่ไม่เน่า (ระวังเรื่องไม้กวนหน่อยครับใช้เสร็จแล้วต้องล้างและตากแดดก่อนนำมาใช้กวนในวันต่อไป)
6. ผ่านไป 2 อาทิตย์ อันนี้ต้องพึ่งโสตประสาททางจมูกเราแล้วครับ ว่าหากได้กลิ่นเน่าเหม็นรุนแรงต่อหรือเปล่าถ้าเจอหนอนก็จบครับเททิ้ง ซึ่งเป็นไปได้ว่าเชื้อของเราตายเกลี่้ยงครับเนื่องจากขาดกากน้ำตาลหรือโดนสารเคมีจากการเกษตรครับ ซึ่งในทุกๆ วันที่เราไปกวนต้องสังเกตุกลิ่นและสีครับ (ต้องใส่ใจเยอะๆ เหมือนตอนจีบแฟนกันใหม่ๆ)
7. กวนต่อไปทุกๆ วันจนครบเดือนหากเห็นเหมือนคราบขาวๆ ลอยอยู่ด้านบนของกากน้ำตาล ยินดีด้วยครับคุณทำได้
8. สำหรับในการทำครั้งต่อไปเก็บ EM ส่วนหนึ่งไว้นะครับแต่คราวนี้เก็บซัก 1 ลิตรนะครับ เนื่องจากเชื้อ EM ซึ่งเราหามานั้นเขาแก่ตายหมดตามเวลาครับ แต่เชื้อ EM เราที่เป็นลูกครึ่งยังอยู่ดีแต่ไม่เก่งเท่าครับดังนั้นเน้นปริมาณเข้าสู้ สู้โว้ยยยยยยย :'(
8.1 ถ้าเอาฝักต้นคูน(ดอกเหลืองริมทางพุทธมณฑลสาย 2 สมัยก่อน) ใส่ไปด้วยหรือใช้สะเดา ก็จะกลายเป็นปุ๋ยไล่แมลงด้วยครับ
*** อันนี้สำคัญครับ อย่าเหนียวกากน้ำตาลครับ ถ้าใส่น้อยเกินไป EM ก็จะเก็บไว้ไม่ได้นาน และเสี่ยงต่อการเน่าคาถัง
*** หากเราใช้พวกผลไม้เช่นกล้วย สัปะรด หรือผัก สิ่งที่ได้คือความหอมครับไม่เหม็น กลิ่นหอมเหมือนไวน์สัปะรด อันนี้จะมีรสชาดเปรี้ยวๆ ซึ่งล้างห้องน้ำได้ดีและขจัดกลิ่นครับ เนื่องจากมีความเป็นกรดสูง
*** หากเราใช้พวกผลไม้เช่นกล้วย สัปะรด ผักพร้อมกากอาหารจากเนื้อสัตว์ของเรา สิ่งที่ได้คือความหอมค่อนข้างเหม็น อันนี้ปุ๋ยครับ เพราะว่ามีความเป็นด่างจากการย่อยสลายของซากสัตว์จะเพิ่มเข้ามาทำให้เกิดกรดน้อยจึงเหมาะแก่การเพาะปลูกไม้ดอก
ถ้าเขียนผิดหรือแนะนำเพิ่มเติมยินดีครับแนะนำกันเลย
ปล. อันนี้มาจากการสอบถามผู้เชี่ยวชาญด้าน Land Scape Designer