เลือก แท็บเล็ต ให้เหมาะกับการใช้งาน

เทคโนโลยีทุกวันนี้มาเร็วไปเร็ว จะตามใช้ทุกสิ่งที่อย่างก็ใช่ที่ จะปฏเสธโดยสิ้นเชิงก็เป็นไปได้ยาก

ขณะที่ผู้ใหญ่บางคนยังรีรอกับการใช้เทคโนโลยีใหม่ วัยรุ่นและวัยหนุ่มสาวต่างกระโดดเข้าสู่เทคโนโลยีแบบใหม่กันอย่างเป็นเรื่องปกติธรรมดา

ลองหลับตานึกภาพดูสิว่า หากเป็นอย่างนี้ไปอีกสัก 4-5 ปี ความรับรู้ของคนต่างรุ่นจะแตกต่างกันมากมายขนาดไหน ช่องว่างความรู้ระหว่างกลุ่มคนต่างฐานะที่ใช้เทคโนโลยีและไม่ใช้นั้น จะไกลห่างออกจากกันไปอีกสักเท่าไหร่

ใช่ว่าจะแนะนำให้ไล่ตามเทคโนโลยีใหม่อยู่ตลอดเวลา คนรุ่นใหม่นั้นรักอิสระ แต่มีไม่น้อยที่ตกเป็นทาสเทคโนโลยี หรือกลายเป็นสาวกผู้ซื่อสัตย์ของยี่ห้องต่าง ๆ ที่สำคัญ เทคโนโลยีเป็นสิ่งไม่มีชีวิตจิตใจ ความฉลาดของมันจึงขึ้นอยู่กับความฉลาดของผู้ใช้เป็นสำคัญ หากใช้เป็นก็ได้ชื่อว่าเป็นนายเทคโนโลยี และเทคโนโลยีก็จะกลายเป็น "ของใช้" ไม่ใช่ "ของเล่น" อย่างที่ปรากฎในประเทศกำลังพัฒนาอย่างทุกวันนี้

เทคโนโลยีปีนี้ที่มาแรงเห็นจะไม่มีใครเกิน "แท็บเล็ต" หลายคนงง ไม่รู้จักว่าคืออะไร ? ถ้าบอกว่า ไอแพดของแอปเปิล วีแพดของเวลคอม แกแล็กซี่แท็ปของซัมซุง ก็จะร้องอ๋อกันยาว ซึ่งปีนี้จะตามมาอีกหลายสิบแบรนด์ จนน่าจะถือได้ว่าเป็นปีทองของแท็บเล็ตทั่วโลกเลยทีเดียว

แท็บเล็ตเหมาะสำหรับการใช้งานแบบไหน ?

ตอบแบบสั้น คือ เอาไว้ดูเว็บไซด์ หรืออ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (e-Book) และตอบโต้อีเมล์ได้เล็ก ๆ น้อย ๆ เนื่องจากขนาดที่เล็กเหมาะสำหรับพกพานั้น แม้จะใช้งานง่าย แต่กลับไม่เหมาะสำหรับงานผลิตและจัดการเอกสารเลยแม้แต่น้อย

ควรเลือกซื้อแท็บเล็ตแบบไหนดี

แต่ละยี่ห้อมีจอเล็กใหญ่ต่างกัน 5 นิ้วบ้าง 7 นิ้งบ้าง 10 นิ้วบ้าง ยิ่งจอใหญ่น้ำหนักก็จะยิ่งมาก ถือนานไปข้อมือของเราอาจเกิดการอักเสบได้

แท็บเล็ตบางแบรนด์มีกล้องถ่ายรูปและโทรศัพท์ในตัว ซึ่งไม่ใช่ฟังก์ชั่นหลักของการใช้งานประเภทนี้ และที่ควรพิจารณาอีกข้อคือ ช่องเสียบสายยูเอสบี ถ้าไม่มีจะน่าหงุดหงิดรำคาญใจยิ่ง และถ้ารอคอยเป็น อย่าเพิ่งซื้อของที่เปิดตัวใหม่ เพราะมีข้อบกพร่องอยู่สูงมาก และราคายังสูงอยู่ สู้รออีกหกเดือน ให้มีรุ่นใหม่ออกมาเพิ่ม ค่อยช้อนซื้อของที่มีอยู่ทั่วไปในท้องตลาดก็ไม่สายเกินไปนัก

แท็บเล็ตเหมาะกับใคร

น่าจะเหมาะสำหรับนักธุรกิจที่ต้องเดินทางไปประชุมต่างสถานที่เสมอ ซึ่งไม่มีเวลามานั่งทำงานกับโต๊ะ และส่วนมากใช้งานเขียนประเภทอีเมล์แบบสั้น สั่งงานเลขานุการหรือลูกน้อง นอกจากนี้ แท็บเล็ตยังเหมาะกับเด็กมัธยม ผู้สูงวัย หรือคนที่ไม่คุ้นชินกับเทคโนโลยีมากนัก เพราะหน้าจอการใช้งานค่อนข้างง่าย

แต่อย่าเพลินกับแท็บเล็ตจนลืมนึกถึงสตางค์ในกระเป๋าตนเองด้วยว่าสามารถจ่ายได้จริงไหม เพราะต้นทุนที่แท้จริงของการใช้งานสิ่งเหล่านี้ นอกจากจะเป็นราคาตัวเครื่องเอง ยังมีค่าใช้จ่ายเวลาของอินเทอร์เน็ตเพิ่มอีกด้วย

บทความดี ๆ มีประโยชน์จาก ช.อนุกูล สำนึกผิด

เพิ่มเติมอีกนิด เปรียบเทียบสเปค tablet กันรุ่นที่วางขาย และกำลังจะวางขายในปัจจุบันด้วย เพื่อง่ายต่อการเปรียบเทียบ สะใจจริง ๆ

มาลองดูคำอธิบายส่วนต่างๆในตารางนี้กันดูน่ะครับ ^^

* Network : การรองรับเครือข่าย
- ทุกรุ่นรองรับการใส่ SIM เพื่อใช้งาน Internet แบบเคลื่อนที่ทั้งหมดครับ

* Operating System : ระบบปฏิบัติการ
- ในส่วนของ OS นั้นจะมีแค่ iPad 2 ที่ใช้ iOS 4.3, PlayBook ที่ใช้ BB Tablet OS ที่ซื้อมาจาก QNZ และ TouchPad ที่ใช้ WebOS ที่พัฒนามาจาก Palm ครับ ส่วนอีก 3 เครื่อง Xoom, Optimus Pad และ Galaxy Tab 10 นั้นใช้ Android 3.0 Honey Comb กันทั้งหมดครับ

* Screem Size : ขนาดและชนิดของหน้าจอ
- iPad 2 และ TouchPad นั้นมีทั้งขนาดหน้าจอและความละเอียดชนิดหน้าจอเหมือนกันทั้งหมด เช่นเดียวกันกับ Xoom และ Galaxy Tab 10 เลยครับ จะมีอยู่ 2 รุ่นที่ต่างจากใครเพื่อนคือ Optimus Pad ที่มีหน้าจอ 8.9 นิ้ว และ PlayBook ที่เล็กกว่าใครเพื่อนด้วยขนาดเพียงแค่ 7 นิ้วครับ

* Processor : หน่วยประมวลผล
- ถึง iPad 2 จะใช้ชื่อชิปของตัวเองว่า Apple A5 แต่ความจริงก็คือชิป ARM Cortex A9 ไม่ต่างจากที่มีในเครื่อง PlayBook เลยละครับ และใน Xoom, Optimus Pad และ Galaxy Tab 10 ก็ใช้ชิปจากผู้ผลิตการ์ดจอชื่อดังอย่าง Nvidia ในรุ่น Tegra 2 ครับ จะมีต่างก็เพียงรุ่น TouchPad ที่ใช้ของ Qualcomm Sapdragon ที่มีความเร็วมากกว่าใครเพื่อนอยู่ที่ 1.2 Ghz ครับ โดยในส่วนของ CPU นั้นจะเห็นได้ชัดว่าทุกรุ่นก็มีความเร็วอยู่ที่ประมาณ 1 Ghz และยังเป็นแบบ Dual-Core เหมือนกันอีกด้วยครับ

* Memory : หน่วยความจำ
- ในตัวของ Xoom , Touch Pad และ PlayBook นั้นจะมีอยู่ 1 GB กันทุกตัวครับ แต่ iPad 2 , Galaxy Tab 10 และ LG Optimus Pad นั้นยังไม่มีข้อมูลที่ได้รับเปิดเผยออกมาในเวลานี้ครับ

* Storage : พื้นที่เก็บข้อมูลภายใน
- สำหรับพื้นที่เก็บข้อมูลภายในแต่ละรุ่นนั้นถือว่ามีขนาดที่ใกล้เคียงกันมากเลยทีเดียวครับ ไล่ไปตั้งแต่ 16GB ไปจนถึงสูงสุด 64GB

* Data Speed : เทคโนโลยีที่ใช้ในการรับ-ส่งข้อมูล
- บ้านเค้าเข้าสู่ยุค 3G ไม่ก็ 4G กันแล้วละครับ ส่วนบ้านเราก็ใช้ EDGE และ 3G ในบางพื้นที่กันรอไปพลางก่อน โดยสามารถกดดูรายละเอียดของแต่ละเครือข่ายได้ที่นี่เลยน่ะครับ http://th.wi....org/wiki/4G

* microSD Card : การรองรับหน่วยความจำภายนอกอย่าง microSD
- จากข้อมูลในตอนนี้ก็มีเฉพาะ LG Optimus Pad เพียงรุ่นเดียวครับที่รองรับ แต่ด้วยพื้นที่เก็บข้อมูลที่มีภายในตัวที่แต่ละรุ่นก็ไม่ต่ำกว่า 16GB อยู่แล้วนั้น ก็น่าจะเพียงพอต่อการใช้งานแล้วละครับ ^^

* Rear Camera : กล้องด้านหลังของเครื่อง
- มีมาให้กันเกือบทุกรุ่นเลยครับ ยกเว้นแค่ HP Touchpad ตัวเดียวที่ไม่มีกล้องด้านหลังมาให้ และจุดที่น่าสนใจที่สุดก็คือตัว LG Optimus Pad ที่มีกล้องแบบ 3 มิติมาให้ด้วยละครับ O.o

* Max Video Recording : ความละเอียดสูงสุดในการบันทึกภาพ
- สำหรับตัว iPad 2 และ Xoom นั้นจะสามารถบันทึกวิดีโอได้ที่ 720 จุดที่ 30 ภาพต่อนาทีเลยละครับ แต่สำหรับ Galaxy Tab 10 และ PlayBook นั้นจะบันทึกได้ในระดับ 1080p หรือ Full HD เลยละครับ

* Front Camera : กล้องด้านหน้าของเครื่อง
- กล้องตัวหน้านั้นส่วนมากจะอยู่ที่ 2 ล้านพิกเซลจะมีก็เพียง iPad 2 ที่ระดับ VGA , Hp Touchpad 1.3 ล้านพิกเซล และ PlayBook ที่ 3 ล้านพิกเซลครับ

* Adobe Flash : การรองรับ Flash
- มีเพียง iPad 2 ตัวเดียวเท่านั้นครับที่ไม่รองรับ Flash

* Bluetooth : การรองรับการส่ง-รับข้อมูลผ่านทาง Bluetooth
- มีเกือบครบทุกรุ่นครับ ยกเว้นแค่ LG Optimus Pad เท่านั้นที่ไม่มีข้อมูล

* WiFi : Wireless Lan หรือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน๊ตไร้สาย
- รองรับใน Class b/g/n กันครบทุกตัวเลยละครับ

* GPS : ระบบระบุตำแหน่ง
- รองรับด้วยระบบ aGPS ทุกตัวครับ

* Sensors : ระบบเซ็นเซอร์ต่างๆ
- Light : ระบบตรวจจับแสงที่เราเคยเห็นกันใน Smart Case ของ iPad 2 ที่เมื่อปิดเคสหน้าจอก็จะดับอัติโนมัติมีครบทุกรุ่นครับยกเว้นใน PlayBook
- Accelerometer : ระบบตรวจจับการเคลื่อนไหวของตัวเครื่องว่าอยู่ในแนวไหน เหมือนที่เราเคยเห็นใน iPhone และ Samartphone รุ่นใหม่ๆครับ ซึ่งระบบนี้จะมีอยู่ในทุกๆรุ่นครับ
- Compass : ระบบเข็มทิศดิจิตอล ระบบนี้จะมีใน iPad 2 , Optimus Pad และ TouchPad ครับ
- Gyroscope : ระบบที่จะช่วยให้รู้ทิศทางองศาของเครื่องที่มีใน iPhone 4 ครับ โดยระบบนี้จะมีอยู่ในทุกรุ่นยกเว้น PlayBook ครับ

* TV Out : ระบบส่งภาพออกผ่านหน้าจอทีวีหรือมอนิเตอร์อื่นๆ
- ทุกรุ่นมีช่อง HDMI ทั้งหมดครับ ยกเว้น TouchPad ตัวเดียวเท่านั้นที่ไม่มี

* Size : ขนาดของตัวเครื่อง
- ในแต่ละรุ่นนั้นไม่ต่างกันมากครับเพราะด้วยขนาดหน้าจอ 9 นิ้วของ iPad และ 10 นิ้วของรุ่นอื่นๆ มีเพียง PlayBook เท่านั้นที่จะดูเล็กกว่าใครเพื่อนเลย

* Weight : น้ำหนักตัวเครื่อง
- ทุกๆรุ่นมีน้ำหนักอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกันมากครับ

* Battery : แบตเตอรี่
- อยู่ในระดับ 5,xxx - 6,xxx ทุกรุ่นครับ มีแค่ iPad 2 เท่านั้นที่ไม่ได้บอกรายละเอียดในระดับ mAh

* Price : ราคา
- ตอนนี้มีแค่ 3 รุ่นเท่านั้นครับที่ได้มีการเปิดเผยในเรื่องของราคาออกมาแล้ว
- iPad 2 : รุ่น WiFi $499, $599, $699 รุ่น 3G $629, $729 และ $829 ครับ
- Xoom : แบบติดสัญญา $599 , แบบไม่ติดสัญญา $799
- PlayBook : เริ่มต้นที่ $499

* SIM : ซิมการ์ด
- รองรับการใช้งานซิมการ์ดทุกรุ่นยกเว้น PlayBook ครับที่ยังไม่มีข้อมูลในเวลานี้

* Requires PC to Activate : ความต้องการในการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งาน
- มีเพียง iPad 2 เท่านั้นครับที่ต้องการ iTunes เพื่อใช้ในการเชื่อมต่อ

* Application : แหล่งดาวน์โหลดแอพฯต่างๆ
- ทุกระบบต่างมี Market เป็นของตัวเองครับ ไม่ว่าจะเป็น App Store ของ Apple , App World ของ RIM หรือจะเป็น App Market ของทาง Android

* Development : ภาษาที่ใช้งานการพัฒนา
- ทุกตัวรองรับภาษา HTML5 หมดครับ จะมีต่างก็ตรงบางจุดเท่านั้นอย่างเช่น Apple ที่ใช้ Objective C ในการพัฒนาครับ

* Avaliability : กำหนดวันที่ออกวางจำหน่าย
- ตอนนี้มี Xoom ที่ขายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และ iPad 2 ที่ประกาศวันออกมาเป็นที่แน่นอนแล้วในวันที่ 11 มีนาคมที่จะถึงนี้ ส่วนทาง PlayBook ก็ประกาศว่าจะมาในไตรมาสแรกหรือภายในเดือนมีนาคมนี้ครับ ส่วนตัวอื่นๆนั้นยังคงต้องรอดูกันต่อไปครับ

ขอขอบคุณ : ภาพประกอบจาก CreackBerry ครับ สำนึกผิด