พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงแห่งที่ ๑ - น้ำพุร้อน - สวนส้มธนาธร 2
วันสุดท้ายของทริป หลังจากจัดการอาหารเช้ามื้อใหญ่ เรียบร้อย ก็ ออกจากที่พัก เข้าไปในหมู่บ้านยางครับ มุ่งหน้าสู่โรงงานหลวง (Royal Factory)
ชุมชนหมู่บ้านยาง เป็นชุมชนเล็ก ๆ ที่อยู่กับแบบผสมผสาน ในหมู่บ้านมีทั้ง มัสยิด โบถส์คริสต์ และ วัดพทุธ อยู่ร่วมกันอย่างสมัครสมานสามัคคี จากคำบอกเล่า ของมัคคุเทศน์ของโรงงานหลวง ที่พาเราชมในพิพิธภัณฑ์ บอกว่า ไม่ว่าจะมีงานอะไร ชาวบ้านจะไปร่วมงานกันทั้งหมด ไม่เลือกว่าจะเป็นศาสนาใด ก็สามารถมาร่วมงานกันได้หมด เหมือนพี่น้องกัน ช่างเป็นภาพลักษณ์ที่ดีเยี่ยมสำหรับสังคมไทยในปัจจุบันนี้ เอาละครับ ก่อนที่ไปนอกเรื่อง มาชมภาพพิพิธภัณฑ์โรงงานกันดีกว่า
สำนักงาน และ พิพิธภัณฑ์โรงงานหลวงครับ
อีกฝั่งเป็นตัวโรงงานครับ
มองภาพมุมกว้าง จะเห็นวัดจีน อยู่บนเขาด้านหลังสวยดีครับ แต่ไม่ได้ขึ้นไป
ลำธารด้านข้างโรงงาน ครั้งหนึ่งเคยมีน้ำป่าและโคลนทะลักลงมา ทำลายโรงงานจนพังราบไปเมื่อปี 2549
ภายในพิพิธภัณฑ์ แสดง วิถีชีวิต เครื่องมือเครื่องใช้ ของชาวบ้านยางในอดีต
มีภาพเก่า ๆ สมัยก่อนที่บ้านยางยังเป็นแหล่ง ปลูกฝิ่น จนกระทั่งได้พระบารมีปกเกล้า ปรับเปลี่ยนให้เป็นพืชผลเกษตรกรรมแทน
รถยนต์คันแรก ที่ได้รับพระราชทาน ให้ใช้ในงานของโรงงาน สภาพยังแจ๋วอยู่เลยครับ
ภาพถ่ายตอนที่โรงงานโดนน้ำป่าและโคลนถล่ม ทุกสิ่งพังเสียหายยับเยิน เหลือสิ่งอัศจรรย์อยู่อย่างหนึ่งคือ พระบรมฉายาลักษณ์ที่แทบจะไม่เสียหายเลย
เครื่องมือ เครื่องจักรต่าง ๆ ที่ได้รับความเสียหายครั้งนั้น ได้ถูกนำมาตั้งไว้ให้ชมครับ
สถานีอนามัยแห่งแรก ที่ได้รับพระราชทาน ยังคงเก็บรักษาไว้ให้ชมกัน
และนี่ครับ พระบรมฉายาลักษณ์ที่ ไม่เสียหายกับเหตุการณ์ครั้งนั้น ถูกนำมาประดิษฐานไว้ด้านหน้าสำนักงาน พระบารมีมากล้นรำพัน จริง ๆ ครับ
ออกจากบ้านยาง ก็มุ่งหน้าไปสู่ บ่อน้ำพุร้อนฝาง อยู่ใน อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก ครับ เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่นำเอาพลังงานความร้อนใต้พิภพมาใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยครับ
ก่อนเข้าไปก็ต้องเสียค่าธรรมเนียมอุทยานซะก่อน
ทิวทัศน์บริเวณทางเข้าไปสู่บ่อน้ำพุร้อนครับ
ตามโขดหินต่าง ๆ ก็จะมีน้ำร้อนที่ไหลรินออกมาจากใต้ดิน เห็นเป็นไอน้ำลอยออกมา
มาแล้วครับ น้ำพุร้อน ที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ จะต้องรอเวลาประมาณ 25-30 นาที น้ำพุจะพุ่งขึ้นมาครั้งหนึ่ง พุ่งอยู่ประมาณ 3-5 นาทีครับ
ความสูงของน้ำพุก็ประมาณ 15-20 เมตรเห็นจะได้ ครับ สูงมากทีเดียว สังเกตต้นไม้ด้านหลังน้ำพุ จะขาวไปซึกนึง เพราะโดนน้ำร้อนทุกวัน แต่ไม่ตายนะครับ เห็นอีกฝั่งยังมีใบอยู่เลย
ภาพมุมไกลของน้ำพุครับ พอดีมี ต้นไม้เป็นโฟร์กราวด์ ดูสวย ๆ ดี
หลังจากออกจากน้ำพุร้อน ผมก็เดินทางต่อไปยังสวนส้มธนาธร 2 ต้องวิ่งรถไต่ระดับผ่านหมู่บ้านต่าง ๆ ไปตามชายเขา ไปทาง เขื่อนแม่มาว ประมาณ 10 กว่า กม. ครับ
สวนส้มธนาธร 2 ที่เราจะมาแวะชมกัน เป็น 1 ใน 10 สวนของธนาธร ที่เรารู้จักกันดี สวนที่เปิดให้บุคคลภายนอกเข้าชมได้ มี 2 แห่ง คือ ธนาธร 8 ที่แม่อาย และ ธนาธร 2 ที่ฝางครับ แต่ที่ฝางนี่จะสวย เพราะว่าอยู่ท่ามกลางหุบเขานั่นเอง
เข้ามาถึงก็จะพบบรรยากาศสวย ๆ ของสวนครับ
อีกมุมหนึ่งของหน้าสวน ที่เห็นเป็นอาคาร ก่อนนี้เป็นที่จำหน่ายส้ม แต่เห็นทางมัคคุเทศน์บอกว่า กำลังจะปรับให้เป็นบ้านพัก เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในปีหน้า และมีจุดกางเต้นท์ และ กระโจมอยู่ริมน้ำด้วยครับ
ดอกไม้สวย ๆ ในสวนครับ
บริเวณทางเข้าสู่ด้านในสวน ที่นี่มีบริการ รถเรือ นำชมสวน คนละ 30 บาท และ มีรถกอล์ฟพร้อมคนขับ ไม่แน่ใจว่า คันละเท่าไหร่ แล้วแต่จะเลือกครับ
เริ่มขึ้นรถเรือ เข้าในสวนกันแล้วครับ
บรรยากาศระหว่างทางครับ มีทั้งไม้ดอก ไม้ประดับ และเห็นต้นส้ม และทิวเขาสุดสายตา สวยดีครับ
มีที่จอดรถให้ชมวิว บนบ้านพักที่ยอดเขา บ้านนี้ใช้เป็นที่ถ่ายทำละครหลาย ๆ เรื่อง ที่จำได้ก็ เจ้าสาวในไร่ส้ม หรือไงเนี่ยะละครับ เลยให้ลูกสาวไปเต๊ะจุ้ยซะหน่อย
ทิวทัศน์ระหว่างทางครับ เห็นว่าเนื้อที่ประมาณ 700 ไร่
เห็นต้นส้มลูกเต็มต้นเลยครับ แต่ห้ามเด็ดครับ ปรับลูกละ 500 ถ้าอยากเก็บต้องไปซื้อถุงผ้าของสวน 300 บาทมั้งครับ แล้วให้เก็บส้มได้จนเต็มถุง จะได้ประมาณ 4 กก. กว่า ๆ
มองไปไกล ๆ เห็นเขื่อนแม่มาวอยู่ลิบ ๆ
รถเรือ พาหนะเดินทางชมไร่ส้มของเรา
รถเรือคันนี้ ไม่ต้องพึ่ง Navigator ครับ เพราะมี DoGigator แทน
ครับ ก็ จบสิ้นทริปท่องเที่ยว ของปีใหม่ 2011 เพียงเท่านี้ครับ ผมก็เดินทางมากลับมาพักที่ลำพูนต่ออีกคืนหนึ่ง แล้วรุ่งขึ้น 30 ธค. ก็เดินทางกลับกรุงเทพ ใช้เวลาท่องเที่ยวไป 4-5 วัน ก็
กำลังดีครับ ปีหน้าก็ยังวางแผนอยู่ว่าจะไปไหนอีกดี ที่กะไว้คือจะขึ้นดอยอ่างขางซักที คงรอดูใกล้ ๆ ครับ ท้ายสุด ก็ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกันมาตั้งแต่เริ่มต้น ภาพสวยมั่งไม่สวยมั่ง ไม่ว่ากันนะครับ แล้วพบกันใหม่ในที่ท่องเที่ยวต่อไป ประสาคนชอบเที่ยว สวัสดีครับ