26 เมษายน 2024, 05:22:44 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เว็บบอร์ด   ช่วยเหลือ ซื้อขายสินค้า Shop เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ:  การดูแลแบตเตอรี่รถยนต์  (อ่าน 16549 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
win-win
Full Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID number: 56
กระทู้: 126
$10.01 credits

View Inventory
Send Money to win-win

Referrals: 0
คำขอบคุณ
-ได้ให้: 376
-ได้รับ: 461



พลังชีวิต
0%


« เมื่อ: 30 สิงหาคม 2010, 22:18:58 »


นำมาบอกต่อ ครับ

-การติดตั้งแบตเตอรี่ใหม่

บางครั้ง หากมีการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์เพิ่ม แบตเตอรี่ก็ควรถูกปรับเปลี่ยนความจุให้มีมากขึ้นด้วย
ซึ่งหากมีการติดตั้งแบตเตอรี่ใหม่ในยานพาหนะ ควรปฏิบัติดังนี้



1. สังเกตว่าแบตเตอรี่ใหม่ ซึ่งจะใช้ติดรถ อยู่ในสภาพไฟเต็ม

2. ควรบันทึกวันที่เริ่มใช้แบตเตอรี่ใหม่ ไว้เพื่อการตรวจสอบสภาพ

เป็นช่วงๆ

3. ยึดแบตเตอรี่และแท่นวางแบตเตอรี่ให้แน่น ไม่เคลื่อนไหว

4. ถ้าแบตเตอรี่มีท่อยาวระบายอากาศ อย่าให้ท่อระบายอากาศถูกกดทับเพราะอาจทำให้แบตเตอรี่ระเบิดได้

5. ใส่ขั้วไฟก่อน (อาจเป็นขั้วบวกหรือขั้วลบก็แล้วแต่ชนิดของรถ) ก่อนใส่
ควรขยายขั้วสวมให้โตกว่าขั้วแบตเตอรี่เล็กน้อย ห้ามตอกขั้วต่ออัดลงไปเพราะจะทำให้ขั้วแบตเตอรี่ทรุดตัว
แบตเตอรี่อาจเสียหายได้

6. เมื่อต่อขั้วเรียบร้อย ทาขั้วด้วยจารบี หรือวาสลิน

7. ต่อขั้วดินเป็นอันดับสุดท้าย



จากนั้นก่อนสตาร์ทเครื่อง ก็ควรตรวจดูความถูกต้องในการต่อขั้วอีกครั้ง
เพื่อความปลอดภัยของรถยนต์และตัวคุณเองครับ



-การต่อพ่วงแบตเตอรี่ฉุกเฉิน

บางครั้งแบตเตอรี่รถยนต์ของเรา หรือรถยนต์คันอื่นๆ เกิดการไฟหมด

อาจจะต้องมีการต่อพ่วงกัน เราจึงจำเป็นจะต้องเรียนรู้การต่อพ่วงอย่าง

ถูกวิธีไว้บ้าง เริ่มจากจอดรถใกล้กันแต่อย่าให้สัมผัสกัน ใช้สายพ่วงที่ใหญ่ แต่ไม่ยาวเกินไป
จากนั้นปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้



1. ต่อขั้วบวก (+) ของสายพ่วงเส้นที่ 1 เข้ากับขั้วบวก (+) ของแบตเตอรี่ ลูกที่ไฟหมด

2. ต่อขั้วอีกข้างหนึ่งของสายพ่วงเส้นที่ 1 เข้ากับขั้วบวก (+) ของแบตเตอรี่ลูกที่ดี

3. ต่อขั้วลบ (-) ของสายพ่วงเส้นที่ 2 เข้ากับขั้วลบ (-) ของแบตเตอรี่ลูกที่ดี

4. ต่อขั้วอีกข้างหนึ่งของสายพ่วงเส้นที่ 2 เข้ากับโครงรถคันทีแบตเตอรี่ไฟหมด

5. เมื่อสตาร์ทรถยนต์คันที่ไฟหมด ติดแล้ว จึงค่อยถอดสายพ่วงแบตเตอรี่ทวนตามลำดับที่กล่าวมาข้างต้น



-การเก็บแบตเตอรีอย่างถูกวิธี

การที่คุณจอดรถไว้โดยไม่ได้ใช้งานเกิน 2 สัปดาห์ จะมีผลกับแบตเตอรี่ของคุณแน่นอน
 เพราะแบตเตอรี่จะมีการคายประจุไฟออกมาตลอดเวลา ถ้าไม่มีการชาร์จไฟเข้า
แผ่นธาตุภายในจะเสื่อมสภาพ ไม่สามารถเก็บกระแสไฟฟ้าไว้ได้ แต่ถ้าจำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้ควรเก็บรักษาแบตเตอรี่
เพื่อให้สามารถนำแบตเตอรี่กลับไปใช้งานได้อีก ตามวิธีดังนี้ คือ



- การเก็บแบตเตอรี่แบบแห้ง (Dry Storage)

เป็นการเก็บแบตเตอรี่ไว้โดยไม่มีสารละลายอยู่ในแบตเตอรี่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเก็บแบตเตอรี่
ที่ผลิตออกมาจากโรงงานใหม่ๆ เมื่อต้องการจะใช้งานก็จะนำแบตเตอรี่ไปเติมสารละลายและประจุไฟฟ้าให้เต็ม
แต่สำหรับแบตเตอรี่ที่ใช้แล้วมีสารละลายอยู่ภายในแบตเตอรี่ การเก็บให้ถอดแบตเตอรี่ออกจากรถ
นำไปชาร์จไฟให้เต็มแล้วเทน้ำยาทิ้ง ใช้น้ำกลั่นล้างแล้วเทคว่ำให้แห้ง
เมื่อต้องการจะใช้แบตเตอรี่ก็นำไปเติมน้ำยาและชาร์จไฟใหม่



- การเก็บแบตเตอรี่แบบเปียก (Wet Storage)



แบตเตอรี่ถึงแม้จะชาร์จไฟเต็มแล้ว ถ้าปล่อยทิ้งไว้ก็จะสามารถคายประจุไฟออกมาเอง
ดังนั้นการเก็บแบตเตอรี่ในขณะที่แบตเตอรี่ มีน้ำกรดอยู่ภายใน ควรนำไปประจุไฟทุกๆ 15 วัน
การเก็บแบตเตอรี่แบบนี้ถือว่าเป็นการจัดเก็บแบบชั่วคราว เพื่อลดปัญหาแบตเตอรี่ เสื่อมสภาพ
อย่าลืมเก็บแบตเตอรี่ให้ถูกวิธีนะครับ



-เปลี่ยนแบตลูกใหญ่ แอมป์สูงดีไหม

หากแบตเตอรี่หมดสภาพ หรือจำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ และแบตเตอรี่ลูกเดิมมีแอมป์ไม่สูงนัก
ก็ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้ลูกใหญ่ขึ้น แอมป์สูงขึ้น ด้วยราคาที่สูงกว่ากันเพียงไม่กี่ร้อยบาท
แต่จะทำให้รถยนต์ของคุณมีกำลังไฟฟ้าสำรองมากขึ้น กำลังไฟฟ้าแรงขึ้น
และทำให้ไดชาร์จทำงานหนักน้อยลง ทำให้ไม่พังง่าย ฉะนั้นเมื่อแบตเตอรี่หมดสภาพหรือ
มีการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นควรคำนึงถึงคำถามที่ว่า "เปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหญ่ แอมป์สูงดีไหม" นี้ด้วย
เพราะเสียเงินเพิ่มไม่กี่ร้อยบาท แต่ได้สิ่งที่คุ้มค่ากว่ากลับคืนมา



-ทำไมแบตหมด



หาก ไดชาร์จปกติ แบตเตอรี่ไม่เสื่อม และไม่มีการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าเพิ่มเติมจนกินกระแสไฟฟ้ามากเกินไปแบตเตอรี่ จะไม่มีการหมด นอกจากในเครื่องยนต์รอบเดินเบาไดชาร์จผลิตไฟฟ้าได้น้อยกว่าการใช้อยู่มาก และจอดนิ่งนานหลายชั่วโมง แบตเตอรี่อาจหมดได้ ซึ่งไม่ค่อยพบปัญหานี้ในการใช้งานบนสภาพจราจรปกติ เพราะในการใช้รถยนต์ เมื่อมีการใช้ไฟฟ้าจากหลายอุปกรณ์ เช่น เครื่องยนต์ แอร์ เครื่องเสียง ไฟส่องสว่าง ฯลฯ ก็จะมีไดชาร์จคอยส่งไฟฟ้าที่เหลือจากการใช้คืนกลับเข้าไปสู่แบตเตอรี่อยู่ ตลอด หากแบตเตอรี่หมด เพราะไดชาร์จผิดปกติ คือผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอ แต่แบตเตอรี่ ยังไม่หมดสภาพจะมีการดึงไฟฟ้าออกจากแบตเตอรี่ไปใช้เรื่อยๆ ก็แค่ซ่อมแซมระบบไดชาร์จให้เป็นปกติ ใช้เครื่องประจุแบตเตอรี่ให้เต็ม หรือทำให้เครื่องยนต์ติดแล้วให้ไดชาร์จประจุไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่ก็สามารถ ใช้งานได้ตามปกติ



หลังจอดรถยนต์ไว้ ถ้าแบตเตอรี่หมดหรือกระแสไฟฟ้าอ่อนลงมากจนไดสตาร์ตหมุนเครื่องยนต์ไม่ไหว ขณะที่ระบบไดชาร์จและเครื่องยนต์ปกติ แสดงว่าแบตเตอรี่หมดสภาพ ก็ถึงคราวจะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่กันแล้วคราวนี้



การดูแล รักษาแบตเตอรี่ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดไฟฟ้าของรถยนต์ให้ใช้งานได้นานนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่คุณตรวจเช็กระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่ทุกสัปดาห์ โดยเติมน้ำกลั่นให้ปริมาณได้ระดับอยู่เสมอ หากถ้าแบตเตอรี่ของคุณเป็นแบบที่มีผิวด้านข้างใส ก็สามารถส่องดูจากด้านข้างแบตเตอรี่ได้ แต่ถ้าแบตเตอรี่เป็นแบบผิวทึบ หรือมองจากทางด้านข้างของแบตเตอรี่ไม่สะดวก ก็ให้เติมน้ำกลั่นให้ท่วมแถบแผ่นธาตุไว้ประมาณ 1 เซนติเมตร ไม่ควรใช้น้ำกรองหรือใช้น้ำที่ไม่ใช่น้ำกลั่นเติมแบตเตอรี่โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานสั้นลง



-ขั้นตอนการทำความสะอาดแบตเตอรี่

ฟอง ก๊าชที่เกิดจากแบตเตอรี่จะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดขี้เกลือที่ขั้ว แบตเตอรี่และสายไฟได้ แต่วิธีทำความสะอาดแบตเตอรี่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แค่ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้



ขั้นแรก ใช้แปรงลวดปัดทำความสะอาดด้านบนของแบตเตอรี่ เพื่อขจัดคราบสกปรกในเบื้องต้นก่อน



ขั้นที่สอง ใช้แปรงลวดจุ่มโซเดี่ยมคาร์บอเนต หรือโซดาผง ผสมน้ำ ปัดเพื่อทำความสะอาดแบตเตอรี่



ขั้นที่สาม ล้างโซเดี่ยมคาร์บอเนตออกด้วยน้ำสะอาด แล้วใช้ลูกยางดูดน้ำออกให้หมด



ขั้น ที่สี่ ถอดสายแบตเตอรี่ออก (ถอดขั้วลบออกก่อน และเมื่อประกอบกลับคืน ให้ใส่ขั้วบวกก่อน เพื่อป้องกันการเกิดประกายไฟ) จากนั้นเช็ดเพื่อเอาคราบน้ำมันและจาระบีออก



-แบตเตอรี่หมดเพราะเปิดไฟหน้าทิ้งไว้



การ เปิดไฟหน้ารถทิ้งไว้หลังดับเครื่องยนต์ ไม่มีผลกับเครื่องยนต์แต่อย่างใด แต่แบตเตอรี่จะถูกดึงกระแสไฟฟ้าไปใช้อย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีการประจุไฟเข้าแบตเตอรี่จากไดชาร์จเหมือนกับช่วงเวลาที่ติดเครื่อง ยนต์ ทำให้กระแสไฟฟ้าหมดหรือเหลือน้อยจนไม่เพียงพอสำหรับการสตาร์ตเครื่องยนต์



หาก รู้ตัวว่าลืมปิดไฟหน้า เมื่อจอดรถยนต์ทิ้งไว้เป็นเวลานาน ไม่ควรรีบสตาร์ตเครื่องยนต์ทันที ควรปิดไฟแล้วรอให้แบตเตอรี่เก็บประจุ ประมาณ 5-10 นาที แล้วจึงทดลองสตาร์ต ถ้าสตาร์ต 2-3 ครั้งแล้วเครื่องยนต์ยังไม่ติด ไม่ควรพยายามสตาร์ตต่อ ที่สำคัญ ไม่ควรบิดกุญแจค้างไว้นานเกินไปในช่วงที่สตาร์ต เพราะอาจ ทำให้ไดสตาร์ตเสียหายได้



-ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับแบตเตอรี่



แบตเตอรี่ เป็นอุปกรณ์ประกอบรถยนต์ที่สำคัญ ทำหน้าที่เก็บกระแสไฟฟ้าสำรอง เมื่อเครื่องยนต์ถูกใช้งาน จะมีการประจุไฟฟ้าเข้า-ออก หมุนเวียนสู่แบตเตอรี่อยู่ตลอดเวลา โดยมีคัตเอาต์ทำหน้าที่ตัดประจุเมื่อไฟฟ้าเต็มแบตเตอรี่ และต่อการประจุเมื่อไฟฟ้าในแบตเตอรี่พร่องลง ปกติแล้ว แบตเตอรี่โดยทั่วไปจะมีอายุการใช้งานประมาณ 1.5-2.5 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา ซึ่งในปัจจุบันมีแบตเตอรี่แบบไม่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อย และแบตเตอรี่แบบแห้ง ซึ่งสะดวกต่อการดูแล มีความทนทาน และมีอายุการใช้งานมากกว่าแบบทั่วไป 3-6 เท่า หรือ 5-10 ปี แต่ก็มีราคาที่สูงกว่าเช่นกัน



-เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนแบตใหม่

1. ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อย

2. ไฟหน้าไม่สว่าง

3. ตอนเช้าสตาร์ทติดยาก

4. ใช้งานมานานกว่า 1.5 - 2 ปี

5. กระจกไฟฟ้าอืด



-ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่มีกำลังไฟมากขึ้น

ถ้ารถยนต์ของคุณต้องใช้กำลังไฟ เพื่อทำหน้าที่หลายอย่าง

1. เครื่องมือสื่อสาร

2. เปิดแอร์เป็นเวลานานๆ

3. ใช้รถทั้งกลางวัน-กลางคืน

4. มีการเพิ่มปริมาณไฟส่องสว่าง และติดเครื่องเสียงเพิ่ม

5. ใช้รถน้อย หรือใช้รถเฉพาะวันหยุด

6. ใช้รถเฉพาะกลางคืนและเปิดไฟส่องสว่างเป็นเวลานานๆ



ข้อควรจำ

1. หมั่นตรวจดูระดับน้ำกลั่นอย่าให้ต่ำกว่าจุด LOWER LEVEL

2. ขันขั้วแบตเตอรี่ให้แน่น เพื่อให้กระแสไฟเดินสะดวก

3. ทำความสะอาดคราบสกปรก ที่ติดตามขั้วแบตเตอรี่ และพื้นผิวให้สะอาด





ต้นฉบับจาก น.พ. วุฒิกร เจริญลาภ CamryClub.com

----------------------------------------------------------------------
บันทึกการเข้า
 
!!anong
Newbie



ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID number: 15101
กระทู้: 6
$0.00 credits

View Inventory
Send Money to !!anong

Referrals: 0
คำขอบคุณ
-ได้ให้: 0
-ได้รับ: 8



พลังชีวิต
0%


เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2010, 15:20:12 »

ของผมก็หมด สตาร์ทไม่ติดเลย จะถอดแบตไปชาร์จหรือว่าให้คนมาช่วยเข็นดีครับ
บันทึกการเข้า

 *ลิ้งก์เชื่อมโยงถูกลบออก*
Mr.Suriya
S8 member
*****


ตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอน
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
รางวัล:
lt s8
ID number: 7813
กระทู้: 28
$0.10 credits

View Inventory
Send Money to Mr.Suriya

Referrals: 0
คำขอบคุณ
-ได้ให้: 136
-ได้รับ: 40



พลังชีวิต
0%


mr.suriya mr.suriya mr.suriya
เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2010, 22:26:47 »

ผมเปลี่ยนมาใส่แบตฯ ขนาด 3000 สตาร์ทหมุนดีจังเลยครับ  Grin
บันทึกการเข้า

มด [tewbc]
H/W & S/W Guru
Team & Developers
*


Plastic Model, Manga, MCU, GPS, Camping
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
ID number: 538
กระทู้: 718
$2000.18 credits

View Inventory
Send Money to มด [tewbc]

Referrals: 0
คำขอบคุณ
-ได้ให้: 183
-ได้รับ: 2228



พลังชีวิต
0%


« ตอบ #3 เมื่อ: 29 ตุลาคม 2010, 22:51:10 »

เพิ่มเติมการต่อพ่วงสาย
1. ดูก่อนนะครับว่ารถที่จะมาพ่วงเราแบตมีแอปม์มากกว่าเราเยอะไหม ถ้ามากกว่าเยอะเช่น 35A ไปพ่วงกับลูกที่มีไฟ 50A/75A นี่โอเค แต่ถ้าเอา 50A/75A ที่ไฟหมดไปพ่วงกับ 35A นี่อันตรายกับกล่องครับ
    ปกติรถเก๋งกับรถเก๋งนี่โอเค หรือกะบะ(มีไฟ)ไปเก๋งนี่โอเคเหมือนกัน
2. คันที่ให้ต่อพ่วงให้สตาร์ทรถนะครับอย่าดับเครื่อง ปกติไดชารท์รถเก๋งจะให้กระแสประมาณ 40-45A แอปม์ เช่น Honda prelude ให้กะแสประมาณ 42A-48A ใช้แคมป์วัดกระแส DC ตอนติดเครื่องดูก็ได้
****หากไม่เช่นนั้นระบบไฟของไดชารท์รวนแน่นอน อาจต้องเปลี่ยนคัทเอาท์ที่ไดชารท์ใหม่ เผลอๆ กล่องรวนอีกตะหาก

เรื่องแบตเตอร์รี่
ปกติจะแนะนำให้ใช้พวกที่เป็นแบบชารท์ไฟมาแล้วจะดีกว่าที่เป็นแบบเติมน้ำกลั่นแล้วใช้ได้เลย ความคงทนต่างกัน 2 เท่าเป็นอย่างน้อย ส่วนใหญ่พวกแบตเติมน้ำกลั่นแล้วใช้งานได้เลยนั้นจะเอาไว้ใช้ยามฉุกเฉินจริงๆ แล้วเปลี่ยนมาใช้แบตเตอรรี่ปกติ (เดี๋ยวนี้ของพานาโซนิคกับจีเอสมีแบบชารท์ไฟแล้วจากโรงงานมาให้เลย แล้วร้านแบตจะมาอัดไฟกระตุ้นอีกครั้งนึงก่อนเอาไปใช้) ยี่ห้ออื่นๆ พวก เขียวๆ แดงๆ มักไม่เวริค์ ผมลองมาแล้วอย่างมากก็ปีกะ 2 เดือน ส่วนที่เป็นของพานาโซนิคกับจีเอสที่ใช้อยู่คือ 2 ปีครึ่ง - 3ปี แถมราคาต่างกันไม่เกิน 500 บาท
**อันนี้เป็นประสบการณ์ของผมนะ
***ถ้าชอบแบบอึดจริงๆ แนะนำให้ใช้เจลแบตเตอร์รี่ครับ 5 ปีก็ยังเฉยๆ แต่ราคาก็เฉียดหมื่นสำหรับ 75A
บันทึกการเข้า
oscar
Full Member
***


ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
ID number: 24
กระทู้: 218
$10.00 credits

View Inventory
Send Money to oscar

Referrals: 0
คำขอบคุณ
-ได้ให้: 164
-ได้รับ: 242



พลังชีวิต
0%


« ตอบ #4 เมื่อ: 30 ตุลาคม 2010, 08:27:35 »

ของผมก็หมด สตาร์ทไม่ติดเลย จะถอดแบตไปชาร์จหรือว่าให้คนมาช่วยเข็นดีครับ
ผมว่าโทรตามร้านแบตที่มีบริการเปลี่ยนนอกสถานที่จะดีกว่านะครับ ราคาก็พอๆ กับที่ร้าน
ตอนนี้มีค่อนข้างแยะ
บันทึกการเข้า

รักเพื่อนๆทุกคน
boy009
Newbie



ออฟไลน์ ออฟไลน์

ID number: 24791
กระทู้: 2
$0.00 credits

View Inventory
Send Money to boy009

Referrals: 0
คำขอบคุณ
-ได้ให้: 0
-ได้รับ: 2



พลังชีวิต
0%


« ตอบ #5 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2011, 13:45:26 »

เป็นความรู้ไหม่ที่ดีมากๆครับ    ไม่เคยทราบมาก่อนเลยครับ
บันทึกการเข้า
rutt
S8 member
*****


ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
รางวัล:
s8lt memberDonateผู้สนับสนุน
ID number: 1245
กระทู้: 518
$3050.00 credits

View Inventory
Send Money to rutt

Referrals: 0
คำขอบคุณ
-ได้ให้: 1052
-ได้รับ: 1093



พลังชีวิต
0%


« ตอบ #6 เมื่อ: 23 พฤษภาคม 2011, 14:27:24 »

   ปัจจุบัน มีบริการฟื้นฟูสภาพแบตเก่าที่เสื่อม เก็บไฟไม่อยู่ ให้กลับใช้งานได้ ลองศึกษาดูนะครับ
http://www.m...&Ntype=9

   ผมเคยถามที่ร้านตัวแทนแถวสุขสวัสดิ์ เขาคิดค่าบริการประมาณ 8-10 บาท/amp. มีใครเคยลองมั่ง ?
http://www.m...&Ntype=7
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP

Powered by SMF 1.1.10 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC
SimplePortal 2.3.5 © 2008-2012, SimplePortal | Thai language by ThaiSMF

SMFAds for Free Forums
© Copyrights 2010 navthai.com mod by trex_ln
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.119 วินาที กับ 52 คำสั่ง