Navthai : ชุมชนผู้ใช้งาน GPS อันดับหนึ่งของไทย

หมวดหมู่ทั่วไป => Travel Place => ข้อความที่เริ่มโดย: namfah.w ที่ 08 มกราคม 2014, 20:19:04



หัวข้อ: กุ้งแม่น้ำสองน้ำ มันกุ้งอร่ามสีแดงอมเหลืองไหลเยิ้มยั่วใจ ที่ "เรือนร่มไทร"
เริ่มหัวข้อโดย: namfah.w ที่ 08 มกราคม 2014, 20:19:04
กุ้งแม่น้ำสองน้ำ มันกุ้งอร่ามสีแดงอมเหลืองไหลเยิ้มยั่วใจ ที่ "เรือนร่มไทร"

(http://static.wongnai.com/wdiary/179/ruenromsai-08.jpg)

อยู่ในเมืองกรุงที่แสนวุ่นวาย การจะหาของกินสดๆ ที่มาจากธรรมชาติ และถูกส่งตรงจากแหล่งกำเนิดมาวางไว้บนจานแบบไม่ทันข้ามวัน คงจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยากอยู่สักหน่อย เพราะของที่เรากินกันอยู่ทุกวันนี้ อันไหนมาจากธรรมชาติ อันไหนเพาะเลี้ยง อันไหนสด อันไหนไม่สด ก็แยกไม่ค่อยจะออกกันแล้ว.... แต่…เพียงเดินทางออกจากกรุงเทพฯ มาไม่ไกล ใช้เวลาเพียง 2-3 ชั่วโมงเศษๆ เท่านั้น ก็จะได้พบเจอกับกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ๆ ที่เติบโตในแหล่งน้ำธรรมชาติ และปลากะพงที่เลี้ยงในกระชังริมฝั่งแม่น้ำที่อยู่ใกล้กับทะเลมากที่สุด....เรากำลังเดินทางมาที่ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา จังหวัดที่ถือเป็นประตูเข้าสู่ภาคตะวันออก อยู่ติดกับชายทะเล และเป็นพื้นที่สำคัญในการเพาะเลี้ยงกุ้งและเพาะเลี้ยงปลา

(http://static.wongnai.com/wdiary/179/ruenromsai-13.jpg)

และมาถึงบางปะกงทั้งทีแล้ว ก็ควรจะมองหาร้านอาหารที่อยู่ติดริมน้ำบางปะกงเพื่อนั่งรับสายลมเย็นๆ เสียหน่อย และที่"เรือนร่มไทร" ร้านอาหารที่มีพื้นที่ใต้ต้นไทรอันแสนร่มรื่นที่มีอายุกว่า 50 ปี และตั้งอยู่ติดกับริมฝั่งแม่น้ำบางปะกง ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยสำหรับการมาเยือนบางปะกง และยิ่งได้ลิ้มรสกุ้งแม่น้ำตัวโตๆ และปลากะพงเนื้อแน่นๆ ที่ "เรือนร่มไทร" คัดสรรมาอย่างดีด้วยแล้ว สวรรค์ก็อยู่แค่เอื้อมนี่เอง


(http://static.wongnai.com/wdiary/179/ruenromsai-06.jpg)
"กุ้งแม่น้ำใหญ่เผา" (ราคา 1,150 บาท/ก.ก.)

เมื่อมาบางปะกงทั้งที จะไม่สั่ง "กุ้งแม่น้ำ" มากินได้ยังไง เพราะกุ้งแม่น้ำของที่นี่มีทีเด็ด และมีเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ที่หลายคนไม่เคยรู้เกี่ยวกับกุ้งแม่น้ำที่เติบโตตามธรรมชาติ....

กุ้งแม่น้ำของฉะเชิงเทราเป็น "กุ้งสองน้ำ" เพราะช่วงเดือนธันวาคมจะมีน้ำทะเลหนุนเข้ามาในแม่น้ำบางปะกง ทำให้น้ำในแม่น้ำเริ่มเค็มและกลายเป็นน้ำกร่อยอยู่ประมาณ 6  เดือน จนกว่าจะถึงฤดูฝนที่ฝนตกจนน้ำจืดมีปริมาณเพิ่มขึ้น และไล่น้ำเค็มออกไป น้ำในแม่น้ำบางปะกงก็จะกลับมาเป็นน้ำจืดอยู่อีกประมาณ 6 เดือน แล้วจึงมีน้ำเค็มหนุนเข้ามาผสมอีก สลับกันไปมาอยู่แบบนี้ เป็น "น้ำเค็ม  6 เดือน น้ำจืด 6 เดือน" ด้วยเหตุนี้ "กุ้งแม่น้ำ" จึงเจริญเติบโตอยู่ทั้งในน้ำเค็มและน้ำจืด จึงได้ชื่อว่าเป็น "กุ้งสองน้ำ"

"น้ำกร่อย" มีความสำคัญต่อการฝักตัวของของกุ้งแม่น้ำ เพราะตัวอ่อนของกุ้งแม่น่้ำจะฝักตัวได้ในน้ำกร่อยเท่านั้น ไม่สามารถฝักตัวในน้ำจืดได้ และหากต้องการจะแยกความแตกต่างของ "กุ้งแม่น้ำเพาะเลี้ยง" และ "กุ้งแม่น้ำตามธรรมชาติ" ก็มีวิธีดูง่ายๆ คือ "มันกุ้ง" เพราะมันกุ้งของ "กุ้งแม่น้ำ" ตามธรรมชาติจะมีสองสีผสมกันในตัว คือ "สีแดงอมส้ม" และ "สีเหลือง" แลดูน่ากิน ส่วนมันกุ้งของ "กุ้งแม่น้ำเพาะเลี้ยง" จะมีแค่สีแดงอมส้มสีเดียวเท่านั้น

แต่กุ้งแม่น้ำตามธรรมชาตินั้นขนาดจะคละกันไปทั้งใหญ่และเล็ก ไซส์ของกุ้งจะไม่เท่ากันหมดทุกตัวแบบกุ้งเลี้ยง และวิธีการจับกุ้งตามธรรมชาติมีอยู่ 2 วิธี คือ "การตก" และ "การสุ่ม" ซึ่งคนรุ่นเก่าๆ จะสุ่มกุ้งแม่น้ำได้เก่งมากๆ แต่ปัจจุบันคนที่สุ่มกุ้งแม่น้ำเก่งๆ เหลือน้อยลงทุกที

ว่าแล้วก็สั่ง "กุ้งแม่น้ำใหญ่เผา" (ราคา 1,150 บาท/ก.ก.) มากินสักหนึ่งจาน และก็ได้พบความจริงดังที่ว่า คือ "มันกุ้ง" มีสองสีผสมกัน คือแดงอมส้มกับเหลือง แถมเนื้อกุ้งก็ยังเด้งดึ๋งดั๋ง เคี้ยวแล้วสู้ฟันสุดๆ กินเปล่าๆ ไม่ต้องจิ้มกับอะไร ก็จะได้ลิ้มรสชาติความหวานเนื้อกุ้งแม่น้ำสดๆ แต่หากต้องการเพิ่มความแซ่บ น้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรเด็ดของ "เรือนร่มไทร" ก็ช่วยสร้างความแซ่บให้บังเกิดขึ้นได้



ปลากะพงกระชังไร้กลิ่นสาบโคลน


(http://static.wongnai.com/wdiary/179/ruenromsai-19.jpg)
"ปลากะพงทอดราดน้ำปลา" (ราคา 340 บาท)

ตามมาด้วย "ปลากะพงทอดราดน้ำปลา" (ราคา 340 บาท) อีกเมนูเด่นที่ทำมาจากอีกหนึ่งของดีบางปะกง นั่นคือ "ปลากะพงที่เพาะเลี้ยงในกระชัง" ซึ่งอ.บางปะกง เป็นแหล่งเพาะเลี้ยงปลากะพงกระชังที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จุดเด่นของปลากะพงที่เพาะเลี้ยงในกระชัง คือ ไม่มีกลิ่นสาบโคลนแบบปลากะพงที่เลี้ยงในบ่อ ทำให้รสชาติดีกว่าปลากะพงที่มีกลิ่นสาบโคลนติดมา แล้วยิ่งเอามาทอดจนกรอบไปถึงก้างแล้วราดด้วยน้ำปลาหอมๆ ก็ยิ่งอร่อยแบบดับเบิ้ล


อาหารทะเลสดๆ ของดีที่หาได้ง่ายในเมืองชายทะเล

และนอกจาก "กุ้งแม่น้ำ" กับ "ปลากะพง" แล้ว อาหารทะเลอื่นๆ ก็ไม่ยอมน้อยหน้า เพราะที่นี่ยังมีเมนูอีกมากมายที่น่าลิ้มลอง ทั้งเมนูง่ายๆ แต่อร่อยโดยธรรมชาติของวัตถุดิบอย่าง "ปูม้านึ่ง" (ราคา 500 บาท/ก.ก.) ปูม้าสดๆ เนื้อหวาน มีไข่สีส้มเต็มกระดอง แถมยังกินง่าย เพราะทางร้านแกะกระดอง และทุบก้ามปูมาให้ในแบบที่ แค่รูดเปลือกของก้ามปูขึ้นมาด้านบนเท่านั้น ก็จะได้ลิ้มรสเนื้อก้ามปูและกรรเชียงปูได้อย่างเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่แตกสลายเลยแม้แต่ชิ้นเดียว

(http://static.wongnai.com/wdiary/179/ruenromsai-04.jpg)
"ปูม้านึ่ง" (ราคา 500 บาท/ก.ก.)


(http://static.wongnai.com/wdiary/179/ruenromsai-03.jpg)
"ฉู่ฉี่ลิ้นจี่กุ้งแม่น้ำ" (ราคา 420 บาท)

หรือจะเป็นเมนูที่ปรุงแต่งรสชาติสไตล์ไทยแท้ เข้มข้นถึงรสถึงเครื่อง เช่น "ฉู่ฉี่ลิ้นจี่กุ้งแม่น้ำ" (ราคา 420 บาท) ที่ใช้กุ้งเเม่น้ำไซส์เล็กลงมาหน่อย  ทอดจนกรอบแล้วเข้ากับเครื่องแกงและลิ้นจี่จนกลายเป็นฉู่ฉี่ที่รสชาติเข้มข้น เผ็ดร้อนนิดๆ เค็มระคนหวาน กลมกล่อมแบบไทยๆ


(http://static.wongnai.com/wdiary/179/ruenromsai-24.jpg)
"ห่อหมกทะเลมะพร้าวอ่อน" (ราคา 180 บาท)

อีกเมนูหนึ่งที่เข้มข้นถึงรสเครื่องเทศแบบไทยๆ ไม่แพ้กัน คือ "ห่อหมกทะเลมะพร้าวอ่อน" (ราคา 180 บาท) ห่อหมกทะเลที่ระดมใส่ทั้งกุ้งทะเลตัวใหญ่ ปลาหมึกเนื้อหนึบหนับ และปลา ผสมน้ำมะพร้าวอ่อนลงไปเพื่อเพิ่มความหวานมัน แล้วจัดใส่ลงในลูกมะพร้าวเพื่อความสวยงาม เป็นห่อหมกที่เนื้อค่อนข้างเป็นครีมนุ่มนิ่มละม้ายคล้ายแกงมากกว่า ไม่ได้เป็นห่อหมกเนื้อแน่นๆ แบบที่คุ้นเคย แต่ก็อร่อยลงตัวและกินเพลินจนหมดโดยไม่รู้ตัว


(http://static.wongnai.com/wdiary/179/ruenromsai-12.jpg)
"ยำ 3 ทะเล" (ราคา 200 บาท)

และถ้าไม่อยากพลาดความแซ่บแบบทะเลๆ ก็ควรจะต้องสั่ง "ยำ 3 ทะเล" (ราคา 200 บาท) มาลิ้มรสและกลิ่นอายทะเลกันอีกสักจาน เป็นเมนูรวมมิตร "หอยนางรมสด" พร้อมเครื่องเคียง คือน้ำพริกเผา หอมแดงทอด ยอดกระถิน กระเทียมสดฝานบางๆ ตะไคร้ซอย "พล่ากุ้ง" และ "หมึกมะนาว" เลือกแซ่บได้ตามใจ


(http://static.wongnai.com/wdiary/179/ruenromsai-01.jpg)
"ขาหมูทอดร่มไทร" (ราคา 320 บาท)

ปิดท้ายด้วย เมนูที่ไม่ใช่ซีฟู้ดสักหนึ่งเมนู กับ "ขาหมูทอดร่มไทร" (ราคา 320 บาท) ขาหมูปรุงรสแล้วทอดจนกรอบไปถึงเนื้อใน กินคู้กับผักดองเปรี้ยวอมหวาน และน้ำจิ้มสองแบบ คือซีอิ๊วกับงาสำหรับคนที่ชอบรสชาติออกหวาน หรือน้ำจิ้มซีฟู้ดสำหรับคนที่ชอบรสชาติแซ่บๆ มาตัดเลี่ยน


(http://static.wongnai.com/wdiary/179/ruenromsai-15.jpg)

แดดร่มลมตก นั่งกินอาหารทะเลอร่อยๆ กินไปคุยไป ชมความงามของริมฝั่งแม่น้ำบางปะกงไปด้วย แทบไม่อยากจะกลับเข้ากรุงเทพฯ อีกเลย

(http://static.wongnai.com/wdiary/179/ruenromsai-28.jpg)
น้ำจิ้มซีฟู้ดสุดแซ่บ


ค้นหาและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.wongnai.com/articles/ruen-romsai
 :o :o :o :o :o :o :o :o :o :o :o :o :o :o :o :o