รถกระบะ กับอาการท้ายปัด อันตรายจากการใช้รถผิดประเภท
ก่อนอื่น สาเหตุที่ผมเขียนข้อความนี้ขึ้นมาก็เพราะ
ได้รับ เมลล์ฟอร์วาร์ดมาจากเพื่อน เรื่องเกี่ยวกับอุบัติเหตุจากอาการท้ายปัดของรถกระบะ
ซึ่งมีในรถกระบะทุกคัน ของทุกค่าย แล้วตั้งคำถามว่าทำไมค่ายรถถึงไม่แก้ไขในจุดนี้
จึงอยากพูดถึงสาเหตุของ อาการท้ายปัดของรถกระบะ
หากคุณคิดว่าทำไมค่ายรถถึงไม่ป้องกันจุดนี้ ไม่ใช่เค้าไม่อยากป้องกันครับ แต่จงใจไม่ทำครับ
และบอกได้ว่าที่คนส่วนใหญ่ท้ายปัด เพราะ ใช้รถผิดประเภท ครับ
รถกระบะ มีไว้สำหรับบรรทุกของ ฉะนั้น ต้องบรรทุกของครับ รถถึงจะไม่ปัด
ทำไมน่ะเหรอครับ เพราะรถกระบะ "ถูกออกแบบ" มาสำหรับการบรรทุก ครับ
หากคุณไม่มีการบรรทุก โดยส่วนใหญ่รถคุณก็จะปัดด้วยสาเหตุดังต่อไปนี้
1 ลมยางแข็งเกินไป (ถึงจะใช้ลมยางปกติตามมาตรฐาน แต่ถ้าไม่ได้บรรทุกหน้ายางจะไม่กดพื้นอยู่ดี)
2 หน้ายางเล็ก (ยิ่งตัวธรรมดา 2.5 แคปของทุกรุ่นนั้นเล็กมาก 215/70/R15 6" เอง)
3 ดอกยางไม่เหมาะสม (เป็นแบบเน้นความทนทาน และอายุการใช้งาน ไม่ได้เน้นการจับยึดเกาะถนน)
4 โช้คแข็งและเด้ง (เพราะต้องเผื่อการรองรับน้ำหนักบรรทุก ทำให้เวลาขับเร็วแล้วรถเด้งล้อหลังอาจจะถึงกับลอย)
5 ท้ายยก (เพราะไม่มีน้ำหนักบบรรทุก เวลาเบรกหน้าจะทิ่ม แล้วท้ายจะยิ่งลอย)
คุณๆ อาจจะเถียงว่า ที่เค้าใช้บรรทุกกันก็ไม่ได้บรรทุกของตลอดเวลานี่
ใช่ครับ เค้าไม่ได้บรรทุกของตลอดเวลา แต่เวลาไม่ได้บรรทุก (สำหรับคนที่รู้)
เค้าจะปล่อยลมยางออก 3-5 ปอนด์ โดยเฉพาะล้อหลัง
เพื่อให้ยางสัมผัสพื้นเต็มที่ แล้วคุณล่ะ รู้รึเปล่า
นึกภาพดูนะครับ
รถกระบะที่มีน้ำหนักตัวรถหนักกว่ารถเก๋งประมาณ 20 - 50% แล้วแต่รุ่น
แต่ขนาดหน้ายางพอๆกัน อาจเล็กกว่ารถเก๋งบางคับเสียอีก แต่ดันเนื้อยางแข็งกว่า
แถมน้ำหนักไปกองอยู่ส่วนหน้าช่วงห้องโดยสาร ไม่ได้ถ่ายน้ำหนักเต็มลำเหมือนเก๋ง
รุ่นใหญ่ๆ 3.0 หรือ 4 ประตูบางตัวยังดี ล้อใหญ่ แต่ก็สูง และน้ำหนักก็เทไปหน้ารถมากขึ้น
ยิ่งกระบะตัวมีแคป สมดุลจะน้อยที่สุด แล้วท้ายที่มันเบาๆสูงๆ (เพราะไม่มีของ)
เวลาเบรก หน้าจะทิ่ม ด้านหน้ารถหนักอยู่แล้ว พอเบรก น้ำหนักจะยิ่งเทลงข้างหน้า
ล้อหน้าจึงกดกับพื้นถนนเต็มที่ รวมกับส่วนใหญ่ล้อหน้าเป็นดิสเบรค หยุดได้ดังใจ
ถ้ายิ่งมีระบบกระจายแรงเบรก ล้อหน้าที่ยิ่งถูกถ่ายน้ำหนักมา จะยิ่งหยุดหนึบขึ้นอีก
ส่วนช่วงท้ายที่ไม่มีอะไรเลย ว่างๆ โล่งๆ ยาวๆ สูงๆ แข็งๆ ลอยๆ โดดๆ เด้งๆ
มันจะลอยไปไหน เพราะหน้ารถมันหยุดแล้ว แต่กระบะท้ายสิ ยังไม่หยุด
มันจะยังพยายามที่จะ พุ่ง ยก โยน โดด เด้ง ลื่น ลอย ไหล ไถล ฯลฯ
และมันก็คิดอย่างเดียวคือไม่ว่าจะยังไงข้าจะต้องแซงล้อหน้าให้จงได้
ยิ่งถ้าสะดุดโดนขอบสะพานหรือรอยต่อถนน รวมกับถนนที่ลื่นๆ ด้วยแล้วล่ะก็
ปัดครับ ยังไงก็ปัด ไม่ว่าจะ แม่ไหนๆ คุณพระอะไร หรือกระทั่งพระเจ้า ก็ช่วยไม่ได้
ตายไม่ตาย หนักไม่หนัก ว่ากันอีกที (พูดเกินจริงน่าดู แต่ถ้ามันได้จังหวะก็นึกถึงบุญบาปที่เคยทำมาเอาไว้แล้วกัน)
ยิ่งยี่ห้อนึงนะครับ โครงสร้างใหญ่ จุดศูนย์ถ่วงสูง แถมยกสูงมากๆ และท้ายก็ยิ่งสูงมากๆ
ไม่รู้ว่ามันจะสูงไปไหน และเป็นยี่ห้อเดียวที่ผ่านการทดสอบการหลบหลีกสิ่งกีดขวางมาได้ไงไม่รู้
เห็นภาพแล้วอื้อหือออ...... แต่ดันขายดิบขายดีเป็นเททิ้งลงสุสานรถแล้วซื้อมาชนทิ้งใหม่
สำหรับยี่ห้อนี้นั้น เรียกได้ว่าถ้าปัดแล้ว "จบ" เลยครับ
ต่อหน้าต่อตามาแล้ว (พ่อผมขับ ผมนั่งคู่หน้า) ฝนเริ่มพรำๆนี่ล่ะ
วิ่งสวนทางมากับผม อยู่หลังรถเก๋งอีกคัน สงสัยเบรคตามหลังคันที่ตามมา
เริ่มจากท้ายปัดซ้าย หน้ารถออกขวา(ซ้ายมือผม) โผล่หน้ารถมาครึ่งคัน
แล้วส่ายไปด้านซ้าย(ขวามือผม) หลบหายไปหลังรถเก๋งที่นำหน้าเค้ามา
พอรถผมจะสวนกับรถเก๋ง ก็โผล่มาอีกทีหน้ารถผมพุ่งลงข้างทาง
มุดลงคูน้ำ แล้วเสยหน้าพุ่งขึ้นฟ้า ตีลังกาเอาหน้ารถฟาดกับพื้นแล้วพลิกอีก 2 ตลบ
ไปนอนนิ่งหงายท้องล้อชี้ฟ้าอยู่ตรงทางเลี้ยวเข้าโรงงานอะไรสักอย่าง
แถวๆช่วง บุรีรัมย์-โคราช (ถ้าเป็นยิมนาสติกเอาเหรียญทองไปเลย)
ผมลงไปดูดีที่ไม่ตาย เพราะ เบลท์ช่วยไว้ แต่ถุงลมไม่ทำงาน
ถนนแค่ 2 เลน สวนกัน แล้วเสยตัดหน้าผมไประยะห่างประมาณ 20 เมตร
ดีว่า ฝนเพิ่งเริ่มลงเม็ด รู้ว่าถนนต้องลื่น เลยปล่อยเท้า ถอนคันเร่งยาวๆ
ไม่งั้นคงได้ลากเอารถผมไปด้วยแน่ๆ
ดังนั้นหากคุณคิดจะใช้รถกระบะเพื่อการขับขี่โดยไม่บรรทุก แล้วไม่อยากให้ท้ายปัด ก็ต้องทำดังนี้ครับ
1. เปลี่ยนล้อ ให้ใหญ่ขึ้น (กระบะธรรมดาใช้ R15 หน้า 6" ควรเปลี่ยนเป็น R16 หน้า 7" เป็นอย่างน้อย เปลี่ยน4 ล้อ หลายตังอยู่)
2. เปลี่ยนยาง ให้เป็นแบบ ยางเก๋ง (เนื้อยางจะนิ่มและเกาะถนนกว่ายางบรรทุกของรถกระบะ ก็หลายตัง)
3. ตัดแหนบ เปลี่ยนโช๊ค เพิ่มกันโคลง (ให้มันไม่แข็งและไม่เด้งมากนัก อีกหลายตัง)
4. เซ็ตช่วงล่างใหม่ ให้ท้ายไม่ยก (หลายตังอีกอยู่ดี)
5. ปล่อยลมยางออก ให้หน้ายางสัมผัสพื้นได้ดีขึ้น (อันนี้พอทำได้ไม่เสียตัง)
6. ใส่หลังคาหลังและติดแร็กหลังคา หรือกล่อง U-Box ในกระบะ เพื่อเพิ่มน้ำหนักท้าย (อันนี้ดีหน่อย เสียงตังแต่ได้ประโยชน์)
รวมๆ แล้ว ก็เสียตังเพื่มอีก 5 หลัก กลางๆเลยครับ (เผลอๆ 6 หลัก) แถมซดน้ำมันมากขึ้นเห็นๆ
(บางรุ่น ล้อให้มาใหญ่อยู่แล้วก็ดีไป เปลี่ยนน้อยหน่อย)
หากทำได้อย่างน้อย 3 ข้อขึ้นไป รถคุณจะปัดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
จากคำถามของเจ้าของเมลล์นะครับ
ทำไมคุณไม่เอาระบบป้องกันล้อปัดหรือระบบอะไรก็ได้มาแก้ไขให้มาเป็น อุปกรณ์มาตรฐานประจำรถทุกรุ่น
ทำได้ครับ แต่ติดตั้งไปแล้วระบบก็จะช่วยอะไรไม่ได้มากหรอกครับ เพราะมันอยู่กับโครงสร้างการออกแบบมากกว่า
แล้วอีกอย่าง ถ้าคุณใช้บรรทุกของตามจุดประสงค์ของรถ ก็ไม่จำเป็นต้องมีระบบนี้
แล้วถ้าถามว่ามีมั้ย บางรุ่นมีครับ ที่เค้าวิเคราะห์ตลาดแล้วว่า รุ่นนั้นๆ คนไม่ค่อยได้ใช้บรรทุก
และเค้าก็จะเซ็ตช่วงล่างทั้งหมดให้เป็นอีกแบบให้เข้ากับระบบ เพราะระบบจะทำงานได้ก็ต่อเมื่อ มีปัจจัยครบด้วยครับ
แต่ก็มีเป็นบางรุ่นของบางค่ายเท่านั้น ส่วนใหญ่ อยู่ใน SUV ซะมากกว่า รถพื้นฐานกระบะไม่ค่อยใช้กัน
เพราะตัวต่อเติม เช่น มิว-7 หรือ ฟอร์จูนเนอร์ จะเซ็ตช่วงล่างอีกแบบนึงและน้ำหนักท้ายค่อนข้างมากทำให้ไม่ปัดอยู่แล้ว
สำหรับคนที่กำลังจะตัดสินใจซื้อรถนะครับ ลองคิดนะครับดูว่า
คุณจะซื้อกระบะแล้วไม่บรรทุก เพียงเพื่อตามกระแสนิยม แต่เสี่ยงกับชีวิตคุณเองดีหรือไม่
หรือซื้อมาแล้ว เซ็ตระบบใหม่อีกหลายหมื่นบาท เพื่อความปลอดภัย
ซึ่งราคารวมแล้วก็อาจจะพอซื้อรถเก๋งได้เลยนะครับ ตัดสินใจเอาครับ
สำหรับทุกท่านที่ได้อ่านนะครับ ผมอยากให้ช่วยคัดลอก
และเผยแพร่ให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่เพียงเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง
เพราะคุณๆและครอบครัว ต้องใช้รถใช้ถนนทุกวัน
และรถยนต์ คืออุปกรณ์ฆ่าคนที่มีประสิทธิภาพสูงมาก
มันพุ่งเข้ามาชนคุณได้ทุกเมื่อ ตราบใดที่คุณยังอยู่บนถนน
เราไม่ชนเค้า เค้าไม่รู้ ชนเรา เราก็ตายอยู่ดี
จะ ฟอร์วาร์ดเมลล์ โพสต่อที่อื่น หรือทำอย่างไรก็ได้ครับ ไม่ขอสงวนสิขสิทธิ์ใดๆ
ขอบคุณครับ
Beckyร้านทองดอทคอม