ต่อล่ะ ประชุม 2-3 วันติดกัน
รูปตารางรถไฟไปโตเกียว แต่ผมไม่ได้ไปแค่เดินผ่านไปถ่ายเฉย ๆ
จากนั้นก็ขึ้นชินคันเซ็นโดยใช้บัตรเบ่ง (ตั๋ว 7 วันเจอาร์)
พอมาถึงเกียวโต ก็นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินไปสถานี คิตาโอจิเพื่อเอาของไปเก็บที่ที่พักชื่อ BONguest house ห่างออกไป 2 ป้ายรถเมล์หรือ 1 กิโล (รู้ทีหลัง เสียไป 220 เยนกับรถสาย 206)
แต่....ก่อนหน้านั้นหลงทางเดินขึ้นด้านบน จากแผนที่ด้านล่างที่พักต้องเดินลงไปด้านล่างเลยถนนโฮริคาว่า (โดริ ในภาษาญี่ปุ่นคือถนน หากเป็นเส้นไฮเวย์จะเรียกว่า คุ มั่งนะฟังลุงบอนบอกมาอีกที)
แต่ก็ไม่เสียเที่ยวซะทีเดียว เพราะได้เข้าไปกินทาโกะยากิย่าง ซึ่งเป็นร้านที่มีชื่อเหมือนกัน จากรูปแผนที่ด้านบน เลยสถานีขึ้นไปด้านบนเลยแยกถนนใหญ่จากสถานีขึ้นไปร้านอยู่บบริเวณใกล้เครื่องป้ายรถเมล์สีเขียว
ราคา 6 ลูก 400 เยน และ 8 ลูก 500 เยน แต่รสชาดโอเคมาก อย่างน้อยไม่ฉ่ำน้ำมันเหมือนร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังสีน้ำเงิน และซอสราด 2 แบบคือแบบเผ็ดกับไม่เผ็ด แถมมีปลาหมึกหันชิ้นโตในลูกกับปลาสไลด์แผ่นบาง ๆ โรยเต็ม
สรุปผมลองไปได้ 14 ลูกกับพี่ชาย และอีกอย่างหนึ่งชาที่นี่จะมีกลิ่นคล้าย ๆ กาแฟบาง ๆ ปนอยู่ซึ่งรสชาดดีมากมาย เรียกว่า ชาฮาจิ ที่สำคัญน้ำฟรีครับ (ตอนนี้ยังเหลือเงินอีก 140 เยน กะแลกที่นี่ล่ะเกียวโต) คราวนี้เลยยืมตังพี่มา 5000 เยนก่อนเผื่อหลง
คราวนี้พออิ่มแล้วก็เดินหาทางกลับไปยังที่พักเพื่อวางเป้ครับ ได้โทรไปหาเจ้าที่พักผ่านมือถือความว่า เด๊ยวมารับที่สถานีเลย สุดท้ายเลยลองเดินไปเองครับ ดูทำเลร้านที่น่าจะฝากท้องตอนเย็นไปด้วยเลย แต่พอเดินผ่านสถานีมาได้ 1 แยก ตัดใจขึ้นรถเมล์ครับ
แต่ไม่ไหวเพราะเจอเนิน สุดท้ายมาถึงที่พักจนได้ ก็ตะลึงไปชั่วครู่แบบพูดในใจว่าบ้านนี้มันผ่านมากี่ 10 ปีแล้วน่ะ แต่พอเจ้าของพาเดินเข้าไปพบว่ามันต้องดูข้างในก่อนจริง ๆ
ภายในห้องรับแขก (ล็อบปี้) และห้องที่พัก และพี่ชายกับพี่สะไภ้
ห้องสะอาดดีมากครับ มีห้องครัวพร้อมอุปกรณ์ และห้องอาบน้ำก็สะอาดแม้ว่าจะดูบ้าน ๆ แต่ก็ดีกว่าห้องน้ำในอุทยานบ้านเรา ที่สำคัญครับคือส้วมติดอุปกรณ์มีภาษาอังกฤษแนบมาให้เสร็จ แต่ตอนนี้ก็ยังงงอยู่ระหว่างฉีดแบบสเปรย์กับบรืเจค ลองแล้วทั้งสองอย่าง
ไม่รู้สึกว่ามันแตกต่างเวลาล้างก้น ไงก็จบด้วยกระดาษอยู่ดี
จากนั้นเมื่อวางของเสร็จแล้วก็ไปที่วัดคิโยมิซึกัน
แผนที่
ที่วัดนี้ระหว่างทางไปต้องกั้นใจอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของดู ของเล่น และกิโมโน มันเข้ากันจริง ๆ แต่ก็เสร็จไอติมโคนชาเขียว กับขนมไดฟุกุไส้ถี่วแดงกับชาเขียวร้อน ๆ ระหว่างทางขึ้นไปที่วัดนี้
ประวัติที่แอบฟังจากไกด์ฝรั่งข้าง ๆ เล่าว่าวัดนี้ประกอบขึ้นด้วยไม้ทั้งต้นแบบไม่มีน็อตหรือตะปูยึดใดๆ ใช้สลักกับการเข้ามุมไม้เท่านั้น และยังเป็นมี่แสดงความกล้าว่าข้าเจ้าเหลือเกินเลยต้องโดดลงมาจากระเบียงวัดมาด้านล่างเพื่อโชว์แมน ๆ ในสมัยก่อน
ทางไปศาลและหินขอความรัก
ซึ่งจากรูปด้านบน จะเป็นทางไปยังหินแห่งความรักความ ใคร ๆ ก็มาไหว้และถ่ายรูปกับหินนี้
จากนั้นก็ไปหาอะไรกินแถบ ๆ ทางลงเป็นข้าวเย็น แต่เลยลงเดินผ่านแยกก่อนทางเดินขึ้นมาที่วัดไปทางขวาซึ่งจะผ่านหมู่บ้านที่ผลิตเครื่องปั้นดินเผา จากนั้นไปเสียตังกับร้านขายของที่ระลึกจิบิสตูดิโอ่ หลายเงินอยู่แต่รับบัตรด้วยเลยรอดไป
ต่อมาก็เดินกลับไปยังถนนกลางเมืองเกียวโตใกล้กับแหล่งตลาดเช้ากับแหล่งช็อบ เพื่อขึ้นรถสาย 12 กลับที่พัก ซึ่งได้ชุดไก่ทอดกับราเม็งน้ำข้นใส่ลงท้อง พร้อมกับปลาหมึกย่างอีกหนึ่งตัว
และนี้เป็นแผนที่ที่ไปมาหมดใน 2 วัน