Navthai : ชุมชนผู้ใช้งาน GPS อันดับหนึ่งของไทย

วันนี้เซ็ง ๆ เบื่อ ๆ อยาก ๆ ยังไงบอกไม่ถูกแฮะ มาหาเรื่องแชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับรถยนต์แสนรักกันดีกว่านะครับ .... .

การเข้าศูนย์บริการสำหรับรถป้ายแดง เมื่อถึงเวลาฃ่อมบำรุงก็คงเป็นเรื่องปกติ เพราะเงื่อนไขการรับประกันรถของบริษัทต่าง ๆ ที่ทำให้เราต้องเอารถเข้าศูนย์ ฯ ตามกำหนด แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า เมื่อรถของท่านกลายเป็นรถเก่าไปแล้ว และถึงเวลาที่จะต้องซ่อมเปลี่ยนอะหลั่ย การเข้าศูนย์ ฯ ในบางเรื่อง จะทำให้ให้เราเสียกะตังค์มากกว่าที่ควรไปมากโขเลยนะครับ มีกรณีตัวอย่างมาเล่าให้ฟังสองเรื่องครับ ...

 (...และถ้าเพื่อน ๆ ท่านใด มีประสบการณ์ ที่ประหยัดเงินได้ โดยไม่เข้าศูนย์ ฯ ก็มาแชร์กันครับ ....)

กรณีแรก ยางหุ้มเพลาขับ ยางหุ้มเพลาขับ (สำหรับรถเก๋งขับล้อหน้านะเท่านั้นนะครับ) นี่จะเป็นยางหุ้มข้อต่อที่ต่อระหว่างเพลาที่มาจากเครื่อง (เกียร์) เข้ากับแกนหมุนของล้อหน้าทั้งสองข้าง ถ้ายางตัวนี้ขาด จารบีที่หล่อลื่นข้อต่อตรงนี้อยู่ จะถูกสะบัดกระเด็นหายไปหมด (เนื่องจากเพลาจะหมุนอยู่ตลอดเวลาที่รถวิ่ง) ความเสียหายที่จะตามมานี่ค่อนข้างเยอะ (ขั้นรุนแรงถ้าปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ ถึงขั้นจะต้อง ซ่อม/เปลี่ยน เป็นหมื่น ถึงหลายหมื่นได้นะครับ) ดังนั้น เราควรจะต้องตรวจดูสภาพของยางหุ้มเพลาขับตัวนี้เป็นประจำนะครับ อย่างน้อย สำหรับรถเก่า ก็น่าที่จะต้องเน้นให้ช่างตรวจดูสภาพของยางหุ้มเพลา ทุกครั้งที่เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง แต่ที่อยากเตือนก็คือว่า ถ้าถึงคราวยางหุ้มขาดจะต้องเปลี่ยน ศูนย์ ฯ บางศูนย์ ฯ จะคิดราคาแพงน่าเกลียดมาก ที่ผมเคยเจอคือรถวีออส ศูนย์ ฯ (หนึ่งในสามศูนย์ ฯ ที่ขอนแก่น) เสนอราคา อะหลั่ย+ค่าแรง เบ็ดเสร็จ 3,000 บาท
ไปทำอู่ข้างนอกปรากฏว่า ผมจ่ายไม่ถึงพันบาท (ค่ายางหุ้ม 150x2 + ค่าแรง 500) !!!

กรณีที่สอง หม้อน้ำ สำหรับเรา ๆ ท่าน ๆ (ที่ไม่ได้หล่อ และไม่ได้รวยเมือนใครบางคน) ที่ใช้รถเก่าอายุ 6-7 ปีขึ้นไป อาจเจอกรณีหม้อน้ำปริแตกที่หม้อน้ำส่วนบน (ส่วนนี้ไม่ใช่ส่วนที่เป็นรังผึ้งระบายความร้อนนะครับ เป็นส่วนที่ทำด้วยไฟเบอร์หรือพลาสติก ทีครอบอยู่บนรังผึ้ง และมีฝาสำหรับปิด-เปิด เติมน้ำนั่นละครับ)  กรณีนี้ ศูนย์ ฯ จะบอกว่า ให้เปลี่ยนหม้อน้ำใหม่ทั้งลูก เพราะซ่อมไม่ได้ งบประมาณ ก็ หมื่น+ ขึ้นไป
แต่เคยพบว่ามีร้านช่อมหม้อน้ำรุ่นเก่าที่สามารถซ่อม โดยการบัดกรีถอดเอาฝาครอบพลาสติกที่แตกออก แล้วเอาฝาครอบที่ทำด้วย ทองเหลืองมาครอบแทนได้ งานนี้ ค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 2-3000 บาทเอง
 
(ร้านซ่อมหม้อน้ำแบบนี้เดี๋ยวนี้หาค่อนข้างยาก ผมเคยฃ่อมกับร้าน "เปาท่อไอเสีย" แถว ๆ ปากซอย ลาดปลาเค้า34 เมื่อสัก 2-3 ปีก่อน ไม่ทราบเดี๋ยวนี้ ยังรับทำอยู่หรือเปล่า แต่ค้นหาโดย iGO ยังเจอร้าอยู่ที่เดิมครับ)

วันนี้มาเพิ่มอีก 1 เรื่องครับ
ลูกหมากปีกนก ของ นิสสัน เซฟิโร A33
เริ่มจากรถมีเสียงดัง กุก กุก ตอนตกหลุมเล็กหลุมน้อยบนถนน เอาเข้าศูนย์นิสสันที่ขอนแก่น ช่างวินิจฉัยว่า ลูกหมากปีกนกหลวม ประเมินราคาเฉพาะค่าอะหลั่ย 5000 กว่าบาท ผมก็นึกว่า คงจะต้องเปลี่ยนหลายตัว ก็ตกลงให้เปลี่ยน พอไปรับรถ ปรากฏว่าท่านเปลี่ยน ปีกนกล่างให้ทั้งชุด (ดุรูปข้างล่าง) ท่านบอกว่า เป็นนโยบายจากบริษัท ศูนย์ ฯ จะไม่ถอดเปลี่ยนลูกหมาก หรือบูช ตัวใดตัวหนึ่ง แต่จะเปลี่ยนปีกนกใหม่ให้เลย  ... งานนี้ผมว่าถ้าเปลี่ยนเฉพาะจุด ค่าอะหลั่ยไม่น่าเกินพันห้า เสียค่าโง่ไปเลย....


(http://img215.imageshack.us/img215/9297/p9302560.jpg)

เดี๋ยวนี้ศูนย์บริการส่วนใหญ่จะใช้วิธีนี้ เขาบอกว่าให้เปลี่ยนใหม่เลย  -x-

บูตลูกหมากรถเก๋งราวๆ 400-500 ครับ อย่างดีแข็งแรงกว่าโตโยต้า OEM เปลี่ยนครั้งผมโล๊ะ 4 ลูกเลย บน/ล่าง ซ้ายขวา จะได้ไม่ต้องจำว่าเปลี่ยนอันไหนไปบ้าง
ยางหุ้มเพลานอก/ในลูกนึงไม่กี่ตัง 150-200 +ค่าจารบีทนความร้อนพวกโมลี่แลนด์ หรือจารบีเกรดทนความร้อน > 90 องศา ซัก  2 กระปุก (ที่เหลือเอามาป้ายลูกปืนจักรยาน)

ส่วนใหญ่เข้าศูนย์จะคุยกับช่างโดยตรงครับ ไม่คุยผ่านพนักงานรับรถ (เปลี่ยนทั้งยวงเหมือนนโยบายบริษัท ยิ่ง 0 นิสสันนี่โอ้ย...ยแรง +ห่วย)

เคยเปลี่ยนปีกนกล่างทั้งชุดของ toyota d4d แต่เป็นร้านข้างนอกประมาณ 3000 บาทรวมค่าแรง  ไม่กล้าไปเปลี่ยนศุนย์ เพราะ แค่ไส้กรองอากาศขนาดลด 15% ยังราคาประมาณพันบาท  ร้านข้างนอกเปลี่ยนให้ ยี่ห้อเดียวกันราคาไม่ถึง 600 บาทเลย หลังจากนั้นไม่กล้าเปลี่ยนอะหลั่ยที่ศูนย์อีกเลย  :P :P

ถ้าเป็นเรื่องช่วงล่าง ยางรถยนต์ ผมว่าอู่ข้างนอกเก่งกว่าศูนย์แน่นอนครับ แต่ถ้าเป็นเครื่องยนต์ ก็ไม่แน่เหมือนกันครับ เพราะว่าศูนย์จะมี service manual ครบครันมากกว่าครับ และอีกอย่างไม่ต้องกลัวกับอะไหล่ปลอมด้วยนะครับ แต่ถ้าเจอศูนย์ที่ใช้เด็กฝึกงานทำ ก็ตัวใครตัวมันครับ  :P

รถผมเคยมีเสียงดังออกมาเวลาวิ่ง ๆ ผมเลยเข้า b-quick หน้าคาร์ฟูร์ศรีนครินทร์ครับ. ครั้งเดียวเข็ดครับ.

ลูกปืนคอม้าแตกพี่แกบอกให้เปลี่ยนยาง ผมเลยเสียรู้เปลี่ยนไป 2 เส้น. พอเด็กผึกงานมาเปลี่ยนยางเสร็จ เห็นนั่งก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ข้างล้อรถเลยเดินไปดู พี่แกกำลังเอาคัตเตอร์ขูดล้อ MAX อยู่ เพราะทำล้อ MAX ที่เพิ่งเปลี่ยนมาไม่ถึงชั่วโมงบิ่นหมดเลย

พอผมโวยวาย หัวหน้าช่างก็มาขอโทษ แล้วบอกว่าจะซ่อมสีให้ ผมบอกว่าไม่เอา เพราะเสียอารมณ์ เพิ่งเปลี่ยนมาใหม่ยังไม่ทันข้ามวัน หัวหน้าช่างเลยบอกว่า งั๊นลดราคายางหุ้ม Rack ให้ 200 บาท. ผมเลยออกมาจากร้านด้วยอาการหัวเสีย.

และยิ่งหัวเสียกว่านั้นคือ เปลี่ยนยางไป 7,000 กว่า อาการมีเสียงดังยังไม่หาย เลยขับไปหาเพื่อนที่เปิดอู่อยู่ เพื่อนบอกว่าลูกปืนคอม้าแตก เลยเปลี่ยนให้ใหม่. คราวนี้หายเลย..  V)_V :-O-

นั่นไงครับ เจอเด็กฝึกงานเข้าให้แล้ว เดี๋ยวนี้ศูนย์ซ่อมรถ นิยมจ้างเด็กเทคนิคเป็นรายวัน เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายและสวัสดิการของบริษัทฯ แต่ผลลัพธ์กลับมาตกอยู่กับลูกค้าอย่างเรา  (* _-)

ขอเพิ่มอีก หนึ่งกรณีครับ ....เปลี่ยนกระจกหน้า (wind screen)...
เคยเจอกรณีอุบัติเหตุเล็ก ๆ กระจกหน้ารถแตก (รถนิสสัน A33) เอาเข้าศูนย์ ฯ ท่านบอกว่า ค่ากระจก 6,000 บาท และต้องเปลี่ยน ยางขอบกระจกอีก 5,500 บาท ค่าแรงต่างหาก และชี้แจงทำนองว่า ทุกครั้งที่เปลี่ยนกระจกหน้า จะต้องเปลี่ยนยางขอบกระจกชุดใหม่ทุกครั้ง ผมลองไปร้านข้างนอก ให้ใช้กระจกแท้จากโรงงานที่ส่งให้โรงงานประกอบรถของนิสสันโดยตรง จ่ายไปทั้งหมด เบ็ดเสร็จ 6,500 บาท ถามช่างว่า อ้าว ไม่ต้องเปลี่ยน ยางขอบกระจกเหรอ ช่างบอกว่า "โฮ้ย รถพี่ยังไหม่ ยางยังใช้ได้..." (ตอนนั้น รถออกมาได้ยังไม่ถึง 3 ปี) แถมรับประกันไม่รั่วไม่ซึมให้อีก 1 เดือน...

งานนี้ไม่เสียค่าโง่ ประหยัดกะตังค์ไปหลายพันครับ 

อ้อ! กระจกที่เปลี่ยนก็ยังใช้มาจนถึงทุกวันนี้โดยไม่มีปัญหารั่ว-ซึม....

ยังมีฮอนด้าอีกนะ แต่จำไม่ได้ว่าอะไรแต่ลางๆ ในความรู้สึกว่าแค่ไม่ปลื้ม...ม

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นครับ ตอนนั้นเอารถเข้าศูนย์บริการทุกเดือนครับ..

บางเดือนเข้าสองหน

ตอนต้นเดือนเข้า prosev ตอนปลายเดือนเข้า b-quick เข้าทุกครั้ง ช่างจะบอกว่าต้องเปลี่ยนโนน เปลี่ยนนี่ทุกครั้ง โดยเสียค่าบริการครั้งละไม่ต่ำกว่า 3-5 พันบาท

และไอ้ยางหุ้ม Rack นี่มันเป็นอะไรของมัน เข้าทุกครั้ง ขาดมันทุกครั้ง เดี๋ยวก็น้ำมันเครื่องสกปรก เดี๋ยวก็ไอ้นั่นไอ้นี่เสีย เราก็กลัวตาย เพราะช่างมักขู่ว่าอันตราย เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ๆ..

จนวันนึงมาเจอเพื่อน ที่เป็นผู้จัดการใหญ่ศูนย์บริการแห่งหนึ่ง พูดให้ฟังว่า... เวลาอบรมช่าง หรือ อบรมหัวหน้าศูนย์ เค้าจะบอกกับช่าง หรือ หัวหน้าศูนย์ว่า ให้หาจุดที่ต้องเปลี่ยน หรือซ่อมให้มากที่สุด เวลาลูกค้าเอารถเข้ามา

ไอ้ที่มีป้ายว่าเช็คฟรี กี่รายการนั่นแหล่ะ ต้องมีเปลี่ยนอะไรบ้าง เพราะไม่อย่างนั้น อยู่ไม่ได้ หัวหน้าช่าง, ช่าง, ค่าเช่าพื้นที่ ฯลฯ หากลูกค้าเอารถมาเข้า แล้วได้ครั้งละ พันสองพัน ศูนย์เจ้ง...

ผมเคยเจอช่าง กินนอกกินในกับพนักงานเก็บเงินด้วย.. เปิดบิลแยกสองใบ.. Prosev นี่ตัวดีเลย คิดค่าจารบี 300 งง... เห็นมันควักมาแปะให้นิดเดียว.. แล้วไอ้ที่เหลือมันก็ไม่ให้...

มีอยู่วันนึง ช่างเดินมาบอกว่า น้ำมันเบรคพี่สกปรก ผมกรองให้แล้ว ใส ๆ เลย และเติมเพิ่มให้ด้วย ขอค่าบริการ 100 นึง ไม่มีบิลนะครับ...

น้ำมันเบรคกรองไม่ได้ครับพี่ ส่วนใหญ่เปลี่ยนทิ้งเลยเมื่อสีแดง/เหลืองเริ่มคล้ำๆ เพราะมีความชื้นเข้าไปอยู่เยอะและเริ่มหมดสภาพ ส่วนไอ้ที่บอกว่ากรองน่ะ...โดนครับโดน (น่าจับมาตบล้างน้ำจริงๆ)
ส่วนยางหุ้มแลคนะพี่ของ 555 อันนึง 150-200 กว่าบาทผมเปลี่ยนทุก 2 ปีเลย เพราะยางโดนความร้อนมันมักเสื่อมสภาพเร็ว สังเกตุยางหุ้มแลคง่ายๆ นะพี่ ลองมุดใต้ท้องรถตรงเพลาขับหน้าจะมียางหุ้มอยู่ อันนี้แหละ ลองเอามือไปแหกๆ ดูตรงที่ร่องยางหากยังนิ่มๆ ไม่ขาดก็ใช้งานต่อได้ครับ หากขาดแล้วก็อย่าตกใจค่อยๆ ขับไปให้อู่ใกล้บ้านเปลี่ยนใหม่ซะก็เสร็จครับ ที่สำคัญควรเปลี่ยนพร้อมๆ กันไปเลยในแต่ละข้าง (ส่วนใหญ่ใช้ 2 ลูก/ข้าง) ไม่งั้นจะเสียค่าถอดล้อมากกว่าค่ายางหุ้มเพลาอีก

ส่วนใหญ่มาตรฐานของศูนย์รถยนต์ทุกยี่ห้อ จะเปลี่ยนยางขอบกระจกใหม่ทุกครั้งที่เปลี่ยนกระจกครับ เพราะว่าศูนย์รถต้องการความชัวร์ในการรับประกันหลังการซ่อมครับ แตกต่างจากร้านภายนอกศูนย์ อาจจะเปลี่ยนยางหรือไม่ก็ได้แล้วแต่เราครับ ผมก็เคยไม่เปลี่ยนยาง ก็ไม่รั่วเหมือนกันครับ อันนี้แล้วแต่มาตรฐานการทำงานจริงๆ ครับ  :)

ผมเข้าศูนย์(ของยี่ห้อรถ)จนถึงหมดระยะประกัน แสนโล  ห้าหมื่น กม.แรกฟรีค่าแรง รู้สึกว่าถูกดี จ่ายเฉพาะค่าน้ำมันเครื่อง  แต่พอเกินห้าหมื่นโลไปแล้วค่าแรงโคตรโหด ประมาณพันสองอัพ ก็แค่เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและสลับยางถ่วงล้อ (ค่าตะกั่วถ่วงล้อคิดต่างหาก) บวกกับค่าของแล้ว หน้ามืดเลย พอหมดระยะประกันก็เลยไม่เข้าศูนย์อีกเลย อะไรทำเองได้ก็ทำเอง ทำเองไม่ได้็ก็เข้าอู่นอก

 มีหลวมตัวไปเข้าบีรวดเร็วอยู่ครั้งนึง จุดประสงค์ก็แค่สลับยางถ่วงล้อ แต่โดนพ่วงตั้งศูนย์ไปด้วยโดยมิบอกกล่าว เช็คบิลออกมาก็เลย เลยตามเลย แต่พอขับออกมา รถมีอาการกินขวา และพวงมาลัยสั่น วันนั้นมีธุระก็เลยไม่ได้กลับไปแก้งาน พออีกวันเข้าไปแก้งาน   ตอนนี้แหละท่านเอ๊ย... เทวดาเมื่อวานมันกลายเป็นยักษ์มารไปซะฉิบ  และบอกว่า การตั้งศูนย์ก็ต้องแบบนี้แหละ เพราะถนนบ้านเรามันเอียงซ้าย ต้องตั้งเผื่อขวาไว้  เอากะมันซิ รถเราขับดี ๆ อยู่แท้ ๆ กลายเป็นจ่ายเงินซื้อปัญหามาใส่ตัว  สรุป วันนั้นแก้งานแล้ว อาการพวงมาลัยสั่นหาย แต่กินขวาไม่หาย  แต่ศูนย์ยี่ห้อนี้ไม่่ขอไปเหยียบอีกแล้ว ไปแก้ที่อื่นเสียเงินอีกรอบ สบายไป (/ToT)

ผมก็โดนครับ b-quick ตั้งศูนย์ห่วยแตก เครื่องมือก็ดี แต่ช่างห่วย

ผมไปแก้แถว ๆ รามอินทราครับ จำร้านไม่ได้ เป็นร้านยางใหญ่ ๆ หน้าร้านมีรถแข่งแดร็กเยอะ ๆ ร้านนี้มืออาชีพครับ

ชอบกระทู้นี้จังเลยครับ สินค้าหรือบริการที่เราต้องเสียเงินซื้อนี่ ถ้าไม่ดีต้องช่วยกันออกมาแฉครับ บ้านเมืองของเราจะได้ทำมาตรฐานให้มัน ทัดเทียมกับประเทศที่เจริญแล้วเสียที
ผมคิดว่าคนซื้อหรือคนใช้บริการต้องช่วยกันตรวจสอบครับ ให้มันรู้กันไปเลยว่า ดีหรือไม่ดีอย่างไร ยังไงก็เป็นประโยชน์กับผู้บริโภคทุกคนครับ  ^o^

ยางหุ้ม Rack นี่ไม่ซีเรียส เท่า กับยางหุ้มเพลาขับนะครับ หมายความว่า ไม่ต้องรีบทำก็ได้ เพราะลักษณะการทำงานของมัน ไม่ได้มีการหมุนสะบัดจารบีให้กระเด็นหนีเมือนเพลาขับ ตัว Rack (คำเต็มคือ Rack and pinion) จะเลื่อนซ้าย-ขวา เป็นระยะทางไม่กี่นิ้ว สำหรับการดันล้อให้เลี้ยว ซ้ายขวาเท่านั้น และสำหรับรถที่ใช้งานประจำวันสม่ำเสมอ โอกาศที่ฟันเฟืองแบบ Rack & Pinion จะติดขัดจนรถเลี้ยวไม่ได้นี่ผมว่ายากมากนะครับ แต่อย่างไร ก็ไม่ควรทิ้งจนสนิมจับนะครับ!!

(http://img412.imageshack.us/img412/5472/rack.gif)

ขออนุญาตขุดกระทู้หน่อยนะครับ... เร็ว ๆ นี้เจอกรณีจะต้องเสียตังค์มาก ๆ จากการเข้าศูนย์อีกหนึ่งกรณีที่อยากเอามาแชร์กับทุกท่าน...

 เป็นเรื่องของกุญแจรถครับ กุญแจรถปัจุบันนี้บางยี่ห้อบางรุ่น(ของผมนี่เป็นฮอนด้าแจ๊สครับ) จะทำลูกกุญแจเป็นแบบเซาะร่ิองเป็นหยัก ๆ แทนที่จะตัดขอบให้เป็นหยัก ๆ เหมือนกุญแจธรรมดาทั่ว ๆ ไป ที่จริงเขาว่ามันก็ดี เพราะจะทำให้การใช้กุญแจผีหรือการทำลูกกุญแจปลอมทำได้ยากมาก แต่กุญแจประเภทนี้มีข้อเสียคือ มันจะไม่ทน ของผมใช้รถมาประมาณ 5 ปี กุญแจประตูเริ่มไขยาก มันจะเริ่มฝืด ๆ ตั้งแต่การใส่ลูกกุญแจเข้าไปในรู หมุนไม่ค่อยสะดวก แล้ววันหนึ่งมันก็จะไขไม่ได้ หมุนลูกกุญแจไม่ได้ เอาเข้าศูนย์ ถ้าเปลี่ยนกุญแจทั้งคัน(หมายถึงเปลี่ยนแม่กุญแจใหม่ทั้งคัน ทั้งประตูหน้า-หลังและกุญแจติดเครือง) ค่าใชจ่ายจะตก หมื่นกว่าบาท แต่ช่างศูนย์ก็แนะนำว่า สามารถเปลี่ยนกุญแจเฉพาะบานที่มีปัญหาได้(ของผมเป็นเฉพาะประตูด้านคนขับ เพราะมันถูกใช้งานมากกว่าอันอื่น ๆ)เสียค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนกุญแจประตูขวา 1 ชุด สองพันกว่าบาท ถึงตอนนี้ ต้องใช้กุญแจสองลูก ลูกใหม่เปิดประตู ลูกเดิมสตาร์ทเครื่อง ไม่ค่อยสดวกนัก แต่ก็คิดว่า เอาวะ...ดีกว่าเสียเงินหมื่น....

 อีกสองปีต่อมา.. เมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง ก็เกิดเหตุการณ์ อย่างเดียวกันขึ้นกับกุญแจสตาร์ทเครื่อง กุญแจบิดไม่ไปสตาร์เครื่องไม่ได้พยายามอยู่เกือบชั่วโมง ลองฉีดน้ำมันหล่อลื่น(โซแนก)ก็ไม่ได้ผล โทรเข้าศูนย์ เขาบอกว่าจะต้องเอารถมายกเข้าไปที่ศูนย์ ฯ คราวนี้ค่าเปลี่ยนกุญแจสตาร์ทจะตกประมาณ เจ็ดพันห้า บวกค่ายกรถอีกต่างหาก แถมมาถึงตอนนี้ถ้าเปลี่ยนจะต้องพกลูกกุญแจพร้อมกันถึงสามดอก กุญแจลูกเดิมใช้เปิดประตูท้ายและประตูหน้าซ้าย ลูกที่สองเปิดประตูคนขับ และลูกที่สามกุญแจลูกใหม่่สำหรับสตาร์เครื่อง ... บ้ากันพอดีกว่าจะเปิดรถสตาร์เครื่องไปใหนมาใหนได้ หรือไม่งั้นก็ต้องเสียเงิน ประมาณสองหมื่นสำหรับการเปลี่ยนกุญแจทั้งคัน บวกกับค่ายกรถไปศูนย์ ....

ขอไปทำธุระแป๊บครับ เดี๋ยวมาต่อ..ว่าผมทำยังไงถึงจ่ายเงินแก้ปัญหานี้ไปไม่ถึงสองพันบาท แถมยังใช้กุญแจลูกเดียวไขได้ทั้งคันเหมือนรถใหม่เลย....

มาต่อกันครับ.. การแก้ปัญหา ... ผมโชคดีที่ไปเจอช่างกุญแจฝีมือดีที่เป็นเพื่อนบ้านอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันเข้า แกอธิบายให้ผมฟังว่า ไอ้เจ้ากุญแจแบบที่เรากำลังคุยกันอยู่นี่ มันดีจริงในแง่ของการป้องกันการทำกุญแจปลอม แต่ด้วยลักษณะของแง่งของลูกกุญแจที่บางกว่าปกติ สลักในแม่กุญแจก็จะต้องเล็กไปด้วย ทำให้อายุการใช้งานสั้นกว่ากุญแจปกติมาก เนื่องจากการสึกหรอเพียงเล็กน้อยของสลักก็จะทำให้แง่งของลูกกุญแจไม่สามารถ ดันให้สลักเด้งขึ้นลงตามระหัส(ความสูง-ต่ำของแง่งของลูกกุญแจ)ได้ และสลักพวกนี้จะเบียดอยุ่ข้าง ๆ ลูก ฃึงทำให้เกิดความฝืด เมื่อลูกกุญแจถูกสอดใส่เข้าไปในรูกุญแจ และยิ่งจะทำให้เกิดความสึกหรอมากยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก การซ่อมแซมทำได้ง่ายนิดเดียวแต่ต้องใช้ความชำนาญสูง คือรื้อแม่กุญแจออกมาเปลี่ยนสลักใหม่แล้วทุกอย่างก็จะทำงานเหมือนเดิมกับลูกกุญแจอันเดิม การฃ่อมช่างแกคิดเบ็ดเสร็จ 1500 บาทสำหรับกุญแจสตาร์ท และ 400 บาท สำหรับกุญแจประตู ผมโชคดีที่ไปค้นเจอกุญแจประตูอันเก่าเข้า ก็เลยให้ช่างแกเอาไปทำให้ด้วย สรุปว่าเสียเวลาประมาณครึ่งวัน จ่ายเงินไป 1900 บาท ตอนนี้ผมสามารถใช้กุญแจดอกเดียวไขได้ทั้งคันเหมือนตอนออกรถใหม่ ๆ แล้ว....

ผมไม่แน่ใจว่าช่างกุญแจจะมีทักษะที่ซ่อมแบบนี้ได้ทุกคนนะครับ อาจจะต้องลองเสาะหาดู ขอยืนยันว่าซ่อมได้แน่ ๆ ....ในขณะที่ศุนย์ ฯ จะบอกว่า เปลี่ยน! ลูกเดียว...

เข้าศูนย์โดยมากจะเปลี่ยนตลอดครับ

เคยมาแล้ว ครับ

ไม่ต้องคิดว่ารถมีปัญหาแล้วเข้าไปเช็คแล้วจะเจอเปลี่ยนนะครับ
แค่เช็คปรกติเวลาครบระยะของอะไหล่แต่ละตัว ศูนย์ก็จะจับเปลี่ยนแล้วครับ  :o

แล้วแต่นโยบายนะครับ ใจเขาใจเรา

เอารถเข้าศูนย์ฯ มีการรับประกันหลังการซ่อม 1 ปี ถ้าเค้าไม่เปลี่ยนอะไหล่ที่เกียวเนื่องทั้งหมด ถ้าเกิดอาการเดิมกลับมา เค้าก็ต้องซ่อมให้ฟรีอีก

อู่นอก ราคาถูกกว่า เปลี่ยนอะไหล่ตัวที่เสียเพียงไม่กี่ตัวได้ รับประกันอาจจะมี แต่ไม่ถึงปีนะครับ

ต้องลองชั่งใจดูเอง ว่าชอบแบบไหน

ส่วนตัว หากเกินประกันแล้วผมเข้าอู่นอกที่ไว้ใจได้  โดยเน้นอะไหล่แท้ หรือ อะไหล่เทียมชั้นดี ประเภทผลิตส่งให้บริษัทฯอยู่แล้วแต่ปั๊มตราขายเองอีกส่วน

หากการซ่อมชิ้นไหนต้องเปลี่ยนทั้งชุดเแล้วแพงเกินไปจะเน้นหาอู่ที่เก่งเฉพาะด้านนั้นถอดออกมาเปลี่ยนเฉพาะชิ้น  เอาอะไหล่อย่างดีใส่เข้าไป  ใช้ได้ดีเท่าเดิม  เช่น  ปีกนก  ไ่มจำเป็นต้องเปลี่ยนยกชิ้น  เวลาเสียมักเสีย  ลูกหมาก กับ บูช ปีกนก   อู่ข้างนอกสามารถเปลี่ยนแยกชิ้นได้เอาอะไหล่คุณภาพเทียบเท่าของแท้ใส่อัพเข้าไป 

หากชิ้นไหนไม่แพงมาก  ใช้ของแท้ทั้งชิ้นก็ดี  คุณภาพไว้ใจได้นานแน่ ครับ