ภูชี้ฟ้า-พระธาตุจอมกิตติ เชียงแสน

วันที่ 3 หลังจากลงดอยแม่สลองกลับเข้ามาเมืองเชียงราย เติมน้ำมันและแก๊สเต็มอัตราศึกแล้ว ผมก็มุ่งหน้าสู่ อำเภอเทิง เพื่อเดินทางไปภูชีฟ้า ต่อครับ ก่อนไปลองสำรวจเส้นทางแล้ว ปรากฎว่า ปั๊มแก๊สที่ใกล้ภูชี้ฟ้าที่สุด จะอยู่ที่เชียงแรง ซึ่งต้องแยกออกจากเส้นทาง ไปประมาณ 15 กม. ไปกลับก็ประมาณ 30 กม. ก็ตั้งใจว่าจะไปเติมให้เต็มอีกทีเสียก่อน เพราะตามแผนลงจากภูชีฟ้าแล้ว ผมจะไปทางเชียงของ เชียงแสน ซึ่งตาม poi ไม่มีปั๊มแก๊สเลย จะมีอีกทีก็ต้อง แม่สาย หรือ แม่จัน แต่เนื่องจากเวลาล่วงเลยมาเยอะ เกรงว่าจะถึงภูชีฟ้า เอามืดค่ำ ซึ่งไม่เป็นการดีสำหรับเส้นทางที่ไม่เคยไป จึงตัดสินใจไม่เติม มุ่งหน้าสู่ภูชีฟ้าเลยครับ ก็เป็นไปตามคาดคือถึงภูชี้ฟ้าเอา 17.30 น. กำลังดีครับ พอขนของเข้าที่พักได้แป๊ปเดียว ความมืด กับ ความหนาว เริ่มมาเยือนทันที

ผมจองบ้านพักได้ที่ รีสอร์ทแห่งหนึ่ง ที่ หมู่บ้านร่มฟ้าทอง ที่ภูชี้ฟ้า พอขึ้นมาเกือบถึง จะมีทางขึ้นภูชี้ฟ้า อยู่ 2 ทางครับ ทางขวามือ ไปขึ้นทาง บ้านร่มฟ้าไทย ทางขวามือไปขึ้นทาง บ้านร่มฟ้าทอง แล้วแต่ว่า เลือกพักทางไหน รีสอร์ทที่พัก ก็ สบาย ๆ มีห้องนอน ห้องน้ำในตัว ที่นี่ เครื่องทำน้ำอุ่น ต้องเป็นระบบใช้แก๊สครับ เข้าใจว่า ไฟฟ้า คงไม่ค่อยไหว และสิ้นเปลืองมาก ใช้แก๊สประหยัดกว่า และน้ำร้อนดีกว่า ที่พักคิดเป็นรายหัว ประมาณ คนละ 450 บาท รวมค่าอาหารเย็น 1 มื้อ และ อาหารเช้าอีก 1 มื้อ ก็สะดวกดีครับ แต่บางท่านอาจชอบแบบกางเต้นท์นอนก็ ได้คนละบรรยากาศ แล้วแต่ชอบครับ อาหารเย็นก็ ประกอบด้วย ปลาทับทิมทอดกระเทียม ต้มยำไก่ น้ำพริกอ่องกับผักจิ้ม ผักบล๊อคโคลี่กับเห็ดหอมสด และที่ขาดไม่ได้ก็ไข่เจียว อาหารประจำชาติ กินกัน 3 คน แทบกินไม่หมด อิ่้มแล้วก็กลับเข้าที่พัก อาบน้ำอาบท่า อาบน้ำอุ่น ๆ

แล้วเข้านอน พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปดูทะเลหมอกที่ยอดภูกัน นอนหลับ

บรรยากาศบริเวณที่พัก ถ่ายจากระเบียงของห้องพักครับ

เช้าตี 5 ทางรีสอร์ทก็มาเคาะประตูเรียกครับ ผมตกลงนั่งรถของรีสอร์ทให้เขารับส่งเราขึ้นยอดภู เนื่องจากข้างบนที่จอดรถมีน้อย และเจ้าถิ่นชำนาญเส้นทางกว่า ใช้บริการเขาดีกว่า คนละ 40 บาท ไปกลับก็โอเคกว่า ระยะทางจากบ้านพัก ถึงจุดจอดรถยอดภูประมาณ 1 กม. เศษ ตอนขึ้นลงไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู เพราะต้องคอยเกาะรถที่นั่งกันที่กระบะ และทางขึ้นก็ชันพอประมาณ ทุกคนจะไหลมารวมกันที่ท้ายรถ พอทางลงทุกคนก็จะไหลมารวมกันที่หน้ารถ เลยไม่มีโอกาสควักกล้องมาถ่ายครับ ตอนอยู่ที่ที่พัก มีคนมาพัก แค่ 11 คน ทั้งรีสอร์ทก็นึกกระหยิ่มใจว่า คนคงไม่เยอะ แต่ที่ไหนได้ พอถึงจุดจอดรถ คนเต็มเลย ท้องฟ้าก็ยังมืด ต้องใช้ไฟฉาย เพื่อเดินเท้าจากจุดจอดรถ ขึ้นไปถึงยอดภูอีกประมาณ 6-700 เมตรครับ กว่าจะเดินถึงก็เล่นเอา หายใจไม่ค่อยทันเหมือนกัน ยิ่งพอถึงยอดภู คนเพียบเลย เยอะพอสมควร แต่ก็ไม่ถึงกับ แออัด แต่ถ้าช่วงวันปีใหม่จริง ๆ คงเยอะกว่านี้ อย่างที่มีคนเคยมาบอกว่า มองหญ้าไม่เห็น เห็นแต่หัวคนดำเต็มไปหมด อุณหภูมิประมาณ 9-10 องศาครับ กำลังดี Cheesy

มาถึงก็ต้องไปรีบจับจองหาพื้นที่ยืน รอชมทะเลหมอกกัน ผมมาอยู่ตรงบริเวณที่เป็นปลายแหลมของภูชี้ฟ้า มีลวดหนามมากั้นไว้ด้วย รอซักพักพอเริ่มเมื่อย ๆ ก็เริ่มมีแสงทองจับขอบฟ้า จนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นมา ก็ถ่ายรูปกันใหญ่ เสียงชัตเตอร์ระรัวกันไม่หยุด ก็สวยงามดีครับ ทำให้หายเหนื่อยไปได้จากที่เดินกันขึ้นมาตั้งไกล พอพระอาทิตย์ขึ้นเต็มหมด คนก็เริ่มทยอยเดินกลับลงข้างล่าง ก็ถือว่าเป็นครั้งหนึ่งของชีวิตที่มาได้มาชมสายหมอก ณ ภูชี้ฟ้าแห่งนี้ครับ

แสงทองเริ่มจับขอบฟ้าแล้วครับ

มีเอาโคมลอยมาปล่อยบนนี้ด้วยก็สวยดีครับ แต่ที่แย่คือมีคนเอาพลุขึ้นมาจุดด้วย ไม่เหมาะสมเลย มีคนตะโกนว่า ๆ ห้ามจุดบนนี้ เพราะข้างล่างที่เราเห็นทะเลหมอกอยู่เป็นฝั่งประเทศลาว เดี๋ยวเขาเอาอะไรสวนขึ้นมาจะลำบาก ขนาดว่าแล้วก็ยังมีคนจุดต่ออีก ช่างไม่รู้กาละเทศะจริง ๆ redcard

ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้นเรื่อย ๆ

ในที่สุดก็มาแล้ว พระอาทิตย์ที่ทุกท่านรอคอย ชัยโย

ทะเลหมอกหนาพอควร สวยงามมากครับ

ทุกคนแย่งกันถ่ายรูปพระอาทิตย์กันใหญ่ Grin

ภาพนี้ ผมถ่ายแบบ panorama 180 องศา มาให้ครับ ทางขวามือจะเห็นคนเพียบเลยที่ยืนรอพระอาทิตย์ด้วยกัน Roll Eyes

บริเวณจุดจอดรถ ที่ยอดภูครับ ผมโดยสารมาคันที่เห็นด้านซ้ายนั่นแหละครับ

วิวบ้านพักยามเช้าครับ อากาศดีมาก ๆ สดชื่นจริง ๆ

ปีนี้อดดูดอกซากุระไทย เห็นมีแค่นิดหน่อย สอบถามกับเจ้าถิ่น ได้ความว่า ช่วงต้นธันวา มีฝนตกครับ เลยทำให้ดอกร่วงไปหมด แตกใบอ่อนแทน พอปลายเดือน เลยเพิ่งจะเริ่มออกดอกรอบใหม่ เลย ไม่สวยอย่างที่คิดไว้ครับ สู้ปีก่อน ที่ผมไปขุนวาง ที่อินทนนท์เยอะกว่ามากครับ ลงจากดอยก็มุ่งหน้าเลาะริมโขง ไปทางเชียงของ แต่ไม่ได้แวะครับ แค่ผ่าน ๆ เดี๋ยวนี้เจริญมากขึ้นเยอะ ฝรั่งเดินกันขวักไขว่ ผมว่าไม่นานก็จะเป็นเหมือน อ.ปาย จากเชียงของผมก็มุ่งหน้าต่อสู่ อ.เชียงแสน ก็ได้ไปแวะ นมัสการพระธาตุจอมกิตติ พระธาตุศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองเชียงแสน แวะกินข้าวกลางวัน และไปที่สามเหลี่ยมทองคำ เพื่อดูความเปลี่ยนแปลง ก็เปลี่ยนไปเยอะครับ แต่ไม่ได้แวะพักนานนัก เนื่องจาก เย็นนี้ ผมมีนัดเพื่อนเอาไว้ ว่าจะไปเจอกันที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ที่ บ้านยาง เลยต้องรีบทำเวลาหน่อย เพราะจากเชียงแสน ผมต้องวิ่งกลับเข้า อ.แม่จัน เพื่อใช้เส้นทางไป ทาง อ.ท่าตอน แม่อาย เพื่อเข้า อ.ฝาง ครับ ซึ่งก็จะแนะนำในตอนหน้าต่อไป พบกันที่ โฮมสเตย์บ้านยาง อ.ฝาง ในตอนหน้าครับ