มด [tewbc]

[^SuRaYoOt^]

ถ้าหากถามว่าใครอยากรวยยกมือขึ้น ผมคิดว่าคงมีหลายคนยกมือนะครับ

แต่หากถามว่า "รวย" คือเท่าไหร่ ผมคิดว่ามีน้อยคนนักที่จะตอบเป็นตัวเลขได้

ส่วนใหญ่จะเป็น "ก็รวยแหละ" "มีเงินพอใช้ตลอดชีวิต" "มีบ้านใหญ่ๆ มีรถสวยๆ มีงานดีๆ"

และที่เกร่อที่สุดในปัจจุบัน คือ "มีอิสรภาพทางการเงิน"

ผมไม่ได้บอกว่าการให้นิยามเหล่านี้ผิดนะครับ เพียงแต่ว่ามันยังไม่ชัดเจนพอเท่านั้นเอง

บางคนมีสิบล้านบอกยังไม่รวย บางคนบอกมีเงินแสนเดียวก็ดีใจตายแล้ว

และสำหรับบางคน การมีเงินใช้ไปเดือนต่อเดือนไม่ขาดมือ นั่นก็ดีมากแล้ว

ถ้าเราไม่สามารถระบุเป้าหมายที่เป็นตัวเลขชัดเจนได้ แล้วเราจะไปถึงจุดหมายได้อย่างไร

ถ้าเราขับรถไปตามแผนที่ รับรองว่าเราไม่หลงทางครับ แต่เราก็ไปไม่ถึงเป้าหมายเช่นกัน

เพราะเราไม่ได้มีเป้าหมายตั้งแต่แรก และคงไม่มีใครตั้งเป้าหมายว่า จะไปกรุงเทพ

โดยไม่ระบุสถานที่ที่ชัดเจนใช่ไหมครับ


ในด้านการเงินก็เช่นกัน หากเราบอกว่า อยากมีอิสรภาพทางการเงิน อยากรวย อยากมีเงิน

มันก็เหมือนกับเราอยากไปกรุงเทพ แต่ไม่ระบุสถานที่ที่ให้แน่ชัด แล้วจะไปถึงไหมครับ

ถ้าเราขับรถไปตามแผนที่ ก็เหมือนกับเรามีเครื่องมือในการลงทุน ยังไงเราก็ไปไม่ถึง ยังไงเราก็ไม่บรรลุเป้าหมายทางการเงิน เพราะมันไม่ได้มีอยู่มาตั้งแต่แรกแล้ว เราไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้นั่นเอง


หลังจากที่เราตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว ว่าเราจะลงทุนเพื่อวัยเกษียณ เพื่อรักษามูลค่าเงินลงทุน เพื่อเพิ่มค่าเงินลงทุน เพื่อการศึกษา เพื่อซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์ เพื่อท่องเที่ยว เพื่อฯลฯ

เราก็สามารถที่จะจัดการได้ว่า เงินลงทุนเราควรไปอยู่ในจุดไหนจึงจะเหมาะสม

ทั้งในด้านของความปลอดภัยของเงินต้น(ความเสี่ยง) สภาพคล่อง และอัตราผลตอบแทนที่เราคาดหวัง

การได้เป้าหมาย จะบอกเราถึงวิธีการที่เราควรใช้ในการวิ่งไปหาจุดมาย

คงไม่มีใครเดินไปรัสเซีย(หมายถึงคนส่วนใหญ่นะครับ พวกสร้างสถิติไม่นับ) และคงไม่มีใครนั่งเครื่องบินจากลาดพร้าวไปพระโขนง

เช่นกัน ในด้านการเงิน หากเราลงทุนเพื่อการเกษียณ เราก็จะใช้เครื่องมือคนละตัวกับการลงทุนเพื่อท่องเที่ยว

เราจะจัดการพอร์ทของเราได้ ถ้าเรามีเป้าหมายครับ


สุดท้ายผมจะยกตัวอย่างการลงทุนเพื่อการเกษียณมาให้ดูกันนะครับ

ถ้าเราเก็บเงินไว้ในที่ๆปลอดภัยจากการลดมูลค่าของเงินในระยะสั้น ทำให้ได้ผลตอบแทนน้อยลง

แล้วเป้าหมายที่เราตั้งไว้กับเครื่องมือที่เราใช้ไม่เหมาะสมกัน จะเกิดอะไรขึ้น

ในตารางนี้ ผมสมมติให้เก็บเงินเดือนละเท่าๆกันหลังจากเรียนจบปริญญาตรี

และกำหนดให้เงินเฟ้อเฉลี่ย 37 ปี เท่ากับ4.5% ต่อปี

ผลตอบแทนอ้างอิง ผมใช้อัตราผลตอบแทนเฉลี่ยของสินทรัพย์

เนื่องจาก ถ้าเราลงทุนในระยะเวลายาวนานมากๆ อตราผลตอบแทนจะวิ่งเข้าหาค่าเฉลี่ยเสมอ

โดยให้การลงทุนในพันธบัตร ได้อัตราผลตอบแทน 5%

การลงทุนในหุ้น ได้อัตราผลตอบแทน 11%

และมีผลตอบแทนแบบกลางๆ ได้อัตราผลตอบแทน7% (สำหรับใช้อ้างอิงในการลงทุนอื่นๆครับ)




ตารางนี้ เป็นการเก็บเงินทุกเดือนในตราสารหนี้

จากตารางจะเห็นว่าการเก็บเงินเพียงเดือนละ2,000บาท แต่เก้บอย่างสม่ำเสมอตลอดเวลา37ปี

ก็จะทำให้เราเป็นเศรษฐีเงินล้านกับเขาได้เหมือนกัน เย้ๆๆๆๆ

[Novox]

อืมมม อายุ 60 ขับรถหรูๆ จะขับไปรับใครดีหละเนี่ย

หมดเรี่ยวแรง

[kobchai]

คิดว่าคุณปู่ คุณตา หลายๆ ท่านก็ใช้วิธีนี้

สังเกตได้จาก Benz SL หรือ CE หลายๆ คันบนท้องถนน คนขับล้วนมีผมสองสีเกือบทุกคัน 

[rushk]

เป็นแนวคิดที่ดีครับ เก็บเงิน 37 ปี น้อยคนที่จะทำได้  ลองนึกดูจบปริญญาตรีถ้าไม่ใช่วิศวะเงินเดือน 10,000 ก็เก่งแล้วครับถ้าบ้านอยู่ก้บพ่อแม่ ไม่มีภาระอะไรก็โอ ถ้าเป็นเด็กต่างจังหวัดเข้ากรุงเทพต้องหาที่อยู่เอง เช่าห้อง จ่ายค่ากินเอง ให้เงินพ่อแม่ใช้  ให้เสมอตัวก็เก่งแล้วละครับ  พอโตขึ้นก็จะมีภาระที่เพิ่มขึ้นตามตัวแต่งงาน ซื้อบ้าน ซื้อรถ  ถ้าอยากร่ำรวยจริงควรหางาน หรือทำธุรกิจของตัวเองจะเป็นไปได้มากกว่า เจียดจากเงินเดือนยังไงก็ไม่รวยครับ  อย่างไรก็ตามถ้าใครอยากชีวิตที่มั่นคงลองหาอาจแนวคิดจากหนังสือพ่อรวยสอนลูกจะได้เข้าใจอะไรมากขึ้น ทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวมาแชร์กันเพื่อเป็นประสบการณ์นะ   

[amtep]

เยี่ยมเลยครับ ข้อคิดดีดี ทั้งนั้นเลย แต่ส่วนตัวผมนะ พออยู่ พอกิน ไม่เป็นหนี้ ดีที่สุดแล้วครับ

[amper]

ของผม รวยหรือจนอยู่ที่ใจเราครับ ใจเราพอเพียงแค่ไหนก็แค่นั้นแหละ ขอให้เงินที่เราหามา หามาด้วยความสุจริตก็พอ ไม่ไปเบียดเบียนคนอื่นเค้า ^-^

[boycom]

ทางทฤษฎี นะได้ แต่ในทางปฎิบัติ มันยาก

แต่ก็เป้นแนวทางที่ดีครับ

[netsol]

ขอบคุณครับ สำหรับแนวคิดดี ๆ ที่สำคัญในแง่บวก ผมเองก็ 35 ปีแล้วครับไม่รู้จะอยูไปอีก 37 ปีหรือเปล่า

[chao]

เคยดูรายการตีสิบ คนเก็บขยะชื่ออภิรักษ์ ขายขยะได้ฝากธนาคารวันละ 20 บาท ทุกวัน ตอนนี้มีเงินประมาณสี่หมื่นกว่าแล้ว เห็นแล้วอาย ผมยังเก็บเงินได้ไม่เท่าเขาเลยครับ

[jeng28]

เอ่อ ก็ดีนะครับ แต่คำนวนแบบนี้ระวังนะ 2,000,000 อีก 30 ปี มันจะมีค่าแค่ 200,000 อ่ะ
จำตอน 30 ปีที่แล้วได้มั้ยอ่ะ? ทองบาทล่ะ 600 พอ 20ปีต่อมาขึ้นเป็น 4000 แล้วก็ 10ปีต่อมา เป็น 17,000
หุหุ ก้าวกระโดษสุดๆ
อิอิ แต่มีเงินออมก็ดีกว่าไม่มีนะครับทุกๆคน ยังไงซะอีก 60 ปี ข้าวแกงจานนึงคนไม่เกิน 100 บาทแน่นอน

[Jerry]

ออมเงินอย่างเดียว คงรวยไม่ได้ ถ้าเงินออมนั้นไม่มากพอ....สุดท้ายก็ต้องหาเพิ่มนะครับ...  >:(

[n1976]

ดีมาก ๆ เลยครับ

อ่านแล้วทำตามจะได้รวย เหมือนกัน แต่ว่ารวยไม่เท่ากัน 

[triplechamp]

แนวคิดนี้เรียบง่ายครับ ไม่ซับซ้อน
เข้ากับแนวพระราชดำรัชพอเพียงด้วย
เพียงว่าเราอาจจะต้องทำควบคู่ไปกับการทำบัญชีรับจ่ายของเราด้วย
เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายโดยรวมให้ได้ เท่านี้ก็น่าจะช่วยลดความเกเร ของเราไปได้แล้วล่ะครับ
ส่วนเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่เกรงกันนั้น ผมว่า พอเก็บเงินได้ในระดับนึง แบ่งเอามาซื้อทองคำแท่งเก็บไว้ก็ดีนะครับ
เพราะทองเป็นวัตถุแลกเปลี่ยนที่มีอัตราเดียวกันทั้งโลก และ ค่าของมัน กับมูลค่าของมันจะไม่หนีไปจากภาวะปัจจุบัน
เช่น
 20 ที่แล้ว ทอง   4,000 ข้าวแกง 10 บาท = ทองบาทนึงกินข้าวได้ 400 จาน
ปัจจุบัน     ทอง 17,000 ข้าวแกง 30 บาท = ทองบาทนึงกินข้าวได้ 566 จาน

ดังจะเห็นได้ว่า มีทองอยู่เท่าเดิม แต่ก็สามารถใช้แลกเปลี่ยนซื้อขายได้สินค้าและบริการในปริมาณเท่าเดิมไม่ลดลง
แต่ถ้าเก็บในรูปของตัวเงิน จะพบว่า มูลค่าของเงินจะลดลงเรื่อยๆตามภาวะเงินเฟ้อในแต่ละวัน  ดังนั้นเงิน 4000 เมื่อ 20 ปีที่แล้ว
จะใช้กินข้าวได้แค่ 133 จานเท่านั้น หากให้ดอกเบี้ยเงินฝากที่ 5% ก็จะเพิ่มมาแค่ 4200 บาทเท่านั้น
ดังนั้น เก้บในรูปของทองด้วยก็น่าจะดี นะครับ

[prayutsc16]

แนวคิดนี้เรียบง่ายครับ ไม่ซับซ้อน
เข้ากับแนวพระราชดำรัชพอเพียงด้วย
เพียงว่าเราอาจจะต้องทำควบคู่ไปกับการทำบัญชีรับจ่ายของเราด้วย
เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายโดยรวมให้ได้ เท่านี้ก็น่าจะช่วยลดความเกเร ของเราไปได้แล้วล่ะครับ
ส่วนเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่เกรงกันนั้น ผมว่า พอเก็บเงินได้ในระดับนึง แบ่งเอามาซื้อทองคำแท่งเก็บไว้ก็ดีนะครับ
เพราะทองเป็นวัตถุแลกเปลี่ยนที่มีอัตราเดียวกันทั้งโลก และ ค่าของมัน กับมูลค่าของมันจะไม่หนีไปจากภาวะปัจจุบัน
เช่น
 20 ที่แล้ว ทอง 4000 ข้าวแกง 10 บาท = ทองบาทนึงกินข้าวได้ 400 จาน
ปัจจุบัน     ทอง 1700 ข้างแกง 30 บาท = ทองบาทนึงกินข้าวได้ 566 จาน

ดังจะเห็นได้ว่า มีทองอยู่เท่าเดิม แต่ก็สามารถใช้แลกเปลี่ยนซื้อขายได้สินค้าและบริการในปริมาณเท่าเดิมไม่ลดลง
แต่ถ้าเก็บในรูปของตัวเงิน จะพบว่า มูลค่าของเงินจะลดลงเรื่อยๆตามภาวะเงินเฟ้อในแต่ละวัน  ดังนั้นเงิน 4000 เมื่อ 20 ปีที่แล้ว
จะใช้กินข้าวได้แค่ 133 จานเท่านั้น หากให้ดอกเบี้ยเงินฝากที่ 5% ก็จะเพิ่มมาแค่ 4200 บาทเท่านั้น
ดังนั้น เก้บในรูปของทองด้วยก็น่าจะดี นะครับ

แนวความคิดนี้ดีมากครับ มีเงินเอาไปซื้อทองแท่งเก็บใว้เถอะครับ มีแต่จะกำไรไม่มีขาดทุน
เพราะเรากะว่าจะเก็บใว้แบบระยะยาวเป็นสิบๆปีขึ้นไป ถ้าขึ้นไปฝากเงินใว้
ไม่ว่าจะแบบธนาคารหรือแบบกรรมธรรณ์ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
ถ้าระยะยาวยังไงก็สู้ทองแท่งไม่ได้ครับให้ผลตอบแทนสงกว่ามาก