Navthai : ชุมชนผู้ใช้งาน GPS อันดับหนึ่งของไทย

หมวดหมู่ทั่วไป => DIY => ข้อความที่เริ่มโดย: UFO ที่ 20 พฤษภาคม 2010, 19:31:18



หัวข้อ: วิธีฟื้นชีวิต แบตเตอรี่ โน้ตบุ๊ค จาก 1 ชม. ให้กลับมาเป็น 2 - 3 ชม. เหมือนเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: UFO ที่ 20 พฤษภาคม 2010, 19:31:18
การทำ calibrate แบตเตอรี่

 :( มีความสงสัยกันมากในหมู่ผู้ใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค โทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่นเพลง MP3 กล้องถ่ายรูป และอื่นๆ ว่า ทำอย่างไรจึงจะทำให้แบตเตอรี่ชนิดประจุไฟได้ที่มาพร้อมเครื่องมีอายุยืนยาว เพราะเมื่อเสื่อมสภาพแล้วจะซื้อใหม่ราคาช่างเจ็บปวดหัวใจเสียเหลือเกิน

บางคนก็บอกว่า ให้ถอดแบตเตอรี่ออกใช้การเสียบอะแดปเตอร์แทน วิธีการนี้อายุของแบตยิ่งจะไปเร็วเพราะไม่มีการกระตุ้นด้วยการใช้งานเลย บางคนก็บอกว่า เสียบอะแดปเตอร์ไว้ตลอดเวลาจะได้ชาร์ทให้เต็มตลอดเวลา นี่ก็ไม่เหมาะอีกเพราะยังไม่ได้คลายประจุออกมาก็อัดคืนเข้าไปแล้ว แล้วจะทำอย่างไรดี?  :-\

นี่คือคำตอบ (-__-)  ที่ได้มาจากฝ่ายสนับสนุนฮาร์ดแวร์ของบริษัท แอบเปิ้ล ผู้ผลิตเครื่องคอมพิวเตอร์ Mac ชื่อดัง และโทรศัพท์ iPhone เครื่องเล่นเพลงอย่าง iPod แนะนำมาอย่างนี้ครับ

การปรับแต่งแบตเตอรี่ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อยืดอายุให้นานวันและมีพลังเพียงพอในการทำงานเสมอ (โดยเฉพาะแบตเตอรี่ยุคใหม่ที่เป็น Lithion) ควรจะทำการ calibrate ตามขั้นตอนดังนี้

   1. เสียบปลั๊กเพาเวอร์อะแดปเตอร์ให้ชาร์ตแบตเตอรี่ให้เต็ม จนกระทั่งไฟแสดงการชาร์ท หรือไอค่อนแสดงการชาร์ทในอุปกรณ์นั้นแสดงว่าเต็ม 100%.
   2. ปล่อยให้มีการชาร์ทต่อไปอีกสัก 2 ชั่วโมง ซึ่งในระหว่างการชาร์ทนี้คุณยังสามารถทำงานกับเครื่องอุปกรณ์ได้ตามปกติ.
   3. ถอดปลั๊กเพาเวอร์อะแดปเตอร์ แล้วใช้งานไปตามปกติจนกระทั่งแบตเตอรี่หมด (ถ้าทำงานสำคัญให้หมั่นเซฟงานไว้ด้วย) จนกระทั่งแบตเตอรี่จ่ายไฟจนหมด ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์จะมีกรอบหน้าต่างเตือน หรือเสียงเตือน (ถ้าตั้งค่าไว้) ก็แค่กดปุ่มปิดกรอบแจ้งเตือนนั้น แต่ทำงานต่อไป.
   4. จนกระทั่งแบตเตอรี่หมดจริงๆ และเครื่องเข้าสู่ภาวะหลับ (sleep) อย่าลืมเซฟงานสำคัญไว้ก่อนเมื่อมีการเตือนก่อนที่เครื่องจะหลับไป.
   5. ปิดเครื่องหรือปล่อยให้มันหลับไป ทิ้งไว้ประมาณ 5 ชั่วโมงหรือมากกว่า ถ้ามีงานต้องทำอาจจะถอดแบตเตอรี่ออกแล้วใช้กำลังไฟจากเพาเวอร์อแด็ปเตอร์แทนได้ (ถ้าเครื่องนั้นทำได้ เพราะมีบางเครื่องถ้าถอดแบตเตอรี่ออกจะเปิดไม่ได้ก็มี กรณีนี้ก็นอนหลับพักผ่อนเถอะ).
   6. ครบ 5 ชั่วโมงแล้วเชื่อมต่อเพาเวอร์อะแดปเตอร์อีกครั้ง ทำการชาร์ทไฟให้เต็มที่อีกครั้ง แบตเตอรี่ของคุณจะกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง.

Tip: วิธีการนี้ผมลองทดสอบกับเครื่องโน้ตบุ๊คที่ใช้งานมาประมาณปีเศษ จากที่เคยใช้งานได้นานสามชั่วโมงก็จะเหลือเพียงชั่วโมงเศษๆ แบตเตอรี่ก็หมดประจุแล้ว เลยใช้วิธีการนี้ดูบ้าง ปรากฏว่าทำให้แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้เกือบสองชั่วโมง เลยทำการ calibrate ซ้ำไปสี่ห้าครั้ง เรื่องไม่น่าเชื่อก็บังเกิด แบตเตอรี่ก้อนนั้นสามารถกลับมาจ่ายประจุได้สามชั่วโมงอีกครั้งหนึ่ง ทดลองดูซิครับ อาจจะไม่ต้องเสียเงินห้าหกพันสำหรับแบตเตอรี่ก้อนใหม่ก็ได้นะครับ

จะทดลองทำดู....มันก็ไม่เสียหายอะไร  มิใช่หรือครับ  :ok: :stress: :notice:


หัวข้อ: Re: วิธีฟื้นชีวิต แบตเตอรี่ โน้ตบุ๊ค จาก 1 ชม. ให้กลับมาเป็น 2 - 3 ชม. เหมือนเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: ditsapong ที่ 20 พฤษภาคม 2010, 20:47:44
รบกวนขอข้อมูล หรือขอผู้ที่สะดวกทดสอบทีครับ เพราะผมไม่แน่ใจว่าจะได้ผลกับทุกเครื่องที่ใช้แบตรุ่นใหม่ไหม

ปล. บทความดีมากเลยครับ  [+++]


หัวข้อ: Re: วิธีฟื้นชีวิต แบตเตอรี่ โน้ตบุ๊ค จาก 1 ชม. ให้กลับมาเป็น 2 - 3 ชม. เหมือนเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: UFO ที่ 20 พฤษภาคม 2010, 20:57:01
 :) เครื่องผม ใช้มาสองปีกว่า 95% ไม่เคยถอดแบตออกจากเครื่องเลยครับ ใช้ไฟ จาก อแดปเตอร์ตลอด เพราะวันนึงต้องใช้ คอมพิวเตอร์ไม่ต่ำกว่าสิบชั่วโมงครับ


หัวข้อ: Re: วิธีฟื้นชีวิต แบตเตอรี่ โน้ตบุ๊ค จาก 1 ชม. ให้กลับมาเป็น 2 - 3 ชม. เหมือนเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: sitt01 ที่ 20 พฤษภาคม 2010, 22:04:32
:) เครื่องผม ใช้มาสองปีกว่า 95% ไม่เคยถอดแบตออกจากเครื่องเลยครับ ใช้ไฟ จาก อแดปเตอร์ตลอด เพราะวันนึงต้องใช้ คอมพิวเตอร์ไม่ต่ำกว่าสิบชั่วโมงครับ
ถ้าใช้เยอะขนาดนั้น ซือ้ desktop ดีกว่าครับ

ไว้จะเอาไปลองบ้างเพราะเพิ่งเปลี่ยนแบตไป


หัวข้อ: Re: วิธีฟื้นชีวิต แบตเตอรี่ โน้ตบุ๊ค จาก 1 ชม. ให้กลับมาเป็น 2 - 3 ชม. เหมือนเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: UFO ที่ 20 พฤษภาคม 2010, 22:49:54
 :newe1: PC ก็มีคร๊าบผม ยิ่ง เครื่อง PC ผม ปิดเครื่อง ครึ่งเดือนครั้งนึงครับ สำหรับโน้ตบุ๊คไว้สำหรับทำงานครับ อยู่หน้าจอคอมตลอด แล้วกลับมาออนไว้อีกทั้งคืนตั้งแต่เย็ฯถึงเช้าครับ
โหลดหนัง เพลง บิท ไว้


หัวข้อ: Re: วิธีฟื้นชีวิต แบตเตอรี่ โน้ตบุ๊ค จาก 1 ชม. ให้กลับมาเป็น 2 - 3 ชม. เหมือนเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: amper ที่ 21 พฤษภาคม 2010, 08:45:16
ถ้าวิธีนี้ใช้ได้ก็ดีจริงๆ นะครับ จากการใช้งานของผมโดยใช้โปรแกรม everest ในการตรวจสอบค่าความเสื่อม(wear level) ของแบต พบว่า

ถ้าใช้แบตหมดต่ำกว่า 50% จะทำให้ค่า wear level เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ทุกวันนี้ผมต้องชาร์ทแบต เมื่อแบตเหลือประมาณ 60% เท่านั้นเอง

ไม่ทราบว่าเป็นวิธีที่ถูกต้องหรือเปล่าครับ


หัวข้อ: Re: วิธีฟื้นชีวิต แบตเตอรี่ โน้ตบุ๊ค จาก 1 ชม. ให้กลับมาเป็น 2 - 3 ชม. เหมือนเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: UFO ที่ 21 พฤษภาคม 2010, 10:25:43
สำหรับเครื่องผมใช้ได้นะครับ เป็นของ Acer Aspire 4920 อายุการใช้งาน 2 ปีนิดๆ แต่นานๆ ครั้งครับ ที่ผมจะได้นำ โน้ตบุ๊ค ออกไปใช้งานภายนอก (ใช้แบตเตอรี่) .. จึงไม่อาจทดสอบได้บ่อยครั้ง

อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แบตเตอรี่หมดเร็ว เป็นผลจากพฤติกรรมการใช้งานส่วนบุคคล ครับผม ยิ่งถ้าเปิดไวเลส ใช้งานอินเตอร์เน็ท เปิดหนัง ไปด้วย จะยิ่งทำให้แบตหมดไวขึ้นครับ


หัวข้อ: Re: วิธีฟื้นชีวิต แบตเตอรี่ โน้ตบุ๊ค จาก 1 ชม. ให้กลับมาเป็น 2 - 3 ชม. เหมือนเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: pasitwizard ที่ 26 พฤษภาคม 2010, 22:31:39
เครื่องผมมันอยู่ได้แค่ครึ่งชัวโมงเองคับ


หัวข้อ: Re: วิธีฟื้นชีวิต แบตเตอรี่ โน้ตบุ๊ค จาก 1 ชม. ให้กลับมาเป็น 2 - 3 ชม. เหมือนเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE28 ที่ 03 มิถุนายน 2010, 10:42:09
ใช้ HP dv6000(อายุการใช้งาน 1 ปี 2 เดือน)ก่อนทำการ calibrate จะใช้งานได้ประมาณ 50 นาที่ ถึง 1 ชั่วโมง หลังจากได้ทดลอง calibrate ไป 1 ครั้ง ปรากฏว่า ระยะเวลาการทำงานของแบตเตอรี่ลดลง เหลือเพียง 25 นาที ทำตามทุกขั้นตอนแล้ว ไม่รู้ว่าผิดพลาดอย่างไร จะลองทำการ calibrate ซ้ำอีกหลายๆ เที่ยว ผลการ calibrateเป็นอย่างไร จะแจ้งให้ทราบต่อไป ครับ


หัวข้อ: Re: วิธีฟื้นชีวิต แบตเตอรี่ โน้ตบุ๊ค จาก 1 ชม. ให้กลับมาเป็น 2 - 3 ชม. เหมือนเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: UFO ที่ 03 มิถุนายน 2010, 13:36:28
 V)_V ต้องทำซ้ำหลายๆ รอบนะครับ ผลเป็นไงแจ้งให้ทราบด้วยก็ดีครับผม เพราะจากเครื่องของผม ก้อมีอายุการใช้งานนานขึ้นน่ะครับ


หัวข้อ: Re: วิธีฟื้นชีวิต แบตเตอรี่ โน้ตบุ๊ค จาก 1 ชม. ให้กลับมาเป็น 2 - 3 ชม. เหมือนเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: yut4888 ที่ 04 มิถุนายน 2010, 16:59:28
น่าสนใจ เดี๋ยวจะไปลองทำดู


หัวข้อ: Re: วิธีฟื้นชีวิต แบตเตอรี่ โน้ตบุ๊ค จาก 1 ชม. ให้กลับมาเป็น 2 - 3 ชม. เหมือนเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: iaq@gps ที่ 05 มิถุนายน 2010, 18:06:06
ถ้าไม่แน่ใจอยากให้ทดสอบกับของมือถือดูก่อนนะครับ  จากข้อมูลและที่ใช้งานจริง แบตสมัยนี้เป็น Lithion นะครับ ธรรมชาติของเขาถ้าใช้จนเป็น 0 จบแน่ครับอย่างน้อยต้องเหลือไว้ไม่ต่ำกว่า 30% นะครับ (ลองทดสอบกับแบตมือถือดูครับ เอาหลอดไฟเสียบทิ้งไว้ให้ไฟหมดแล้วลองชาร์ทดูครับ)


หัวข้อ: Re: วิธีฟื้นชีวิต แบตเตอรี่ โน้ตบุ๊ค จาก 1 ชม. ให้กลับมาเป็น 2 - 3 ชม. เหมือนเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: JUNGLE28 ที่ 05 มิถุนายน 2010, 22:38:31
หลังจากที่ได้ทำการ caliblate รอบที่ 2 และ รอบที่ 3 ผล คือ อายุการใช้งานของแบตเตอรี่คืนกลับมาเหมือนก่อนทำการ caliblate ( 50 นาที่ถึง 1 ชั่วโมง) จะทำการ caliblate อีกหลายๆ ครั้ง แล้วจะแจ้งผลการใช้งานให้ทราบ ต่อไป  caliblate ในแต่ละรอบใช้เวลา อย่างน้อย 9 ชั่วโมง  คงอีกหลายวันกว่าจะเสร็จคิดว่าจะทำอีกสัก 5 รอบ แนวโน้มน่าจะไปในทางที่ดีขึ้น


หัวข้อ: Re: วิธีฟื้นชีวิต แบตเตอรี่ โน้ตบุ๊ค จาก 1 ชม. ให้กลับมาเป็น 2 - 3 ชม. เหมือนเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: UFO ที่ 06 มิถุนายน 2010, 00:25:37
ถ้าไม่แน่ใจอยากให้ทดสอบกับของมือถือดูก่อนนะครับ  จากข้อมูลและที่ใช้งานจริง แบตสมัยนี้เป็น Lithion นะครับ ธรรมชาติของเขาถ้าใช้จนเป็น 0 จบแน่ครับอย่างน้อยต้องเหลือไว้ไม่ต่ำกว่า 30% นะครับ (ลองทดสอบกับแบตมือถือดูครับ เอาหลอดไฟเสียบทิ้งไว้ให้ไฟหมดแล้วลองชาร์ทดูครับ)
(* _-)  ไม่เข้าใจครับทำไมต้องเอาหลอดไฟเสียบทิ้งไว้ ????



หัวข้อ: Re: วิธีฟื้นชีวิต แบตเตอรี่ โน้ตบุ๊ค จาก 1 ชม. ให้กลับมาเป็น 2 - 3 ชม. เหมือนเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: <....ood....> ที่ 08 มิถุนายน 2010, 14:12:18
ถ้าไม่แน่ใจอยากให้ทดสอบกับของมือถือดูก่อนนะครับ  จากข้อมูลและที่ใช้งานจริง แบตสมัยนี้เป็น Lithion นะครับ ธรรมชาติของเขาถ้าใช้จนเป็น 0 จบแน่ครับอย่างน้อยต้องเหลือไว้ไม่ต่ำกว่า 30% นะครับ (ลองทดสอบกับแบตมือถือดูครับ เอาหลอดไฟเสียบทิ้งไว้ให้ไฟหมดแล้วลองชาร์ทดูครับ)
(* _-)  ไม่เข้าใจครับทำไมต้องเอาหลอดไฟเสียบทิ้งไว้ ????



น่าจะหมายถึง เพื่อให้แบตทำงานตลอดเวลา ครับ


หัวข้อ: Re: วิธีฟื้นชีวิต แบตเตอรี่ โน้ตบุ๊ค จาก 1 ชม. ให้กลับมาเป็น 2 - 3 ชม. เหมือนเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: manajang ที่ 14 กรกฎาคม 2010, 19:48:17
^
^
^
^
เรื่องมีอยู่ว่า แบต Lithion ถ้าไฟหมดมันจะพังครับ
เค้าเลยให้ลองใช้แบตมือถือที่เป็น Lithium ion เหมือนกัน
มาทำให้แบตหมดแล้วดูว่าแบตพังไหม (เพราะแบตมือถือถูกกว่า)
แต่คงไม่เห็นอะไร เพราะในแพ็กเกต จะมีวงจรคอยตัดเวลาไฟเหลือน้อยกว่า 30% อยู่แล้ว
นอกจากจะแกะเหลือแต่แบตอย่างเดี่ยว แต่อย่าไปทำนะครับ เพราะถ้าไปเจอ Lithium polymer (LiPo)
ตูม....!  แน่ๆ
---
ที่เจ้าของกระทู้ว่ามา คือ Memory effect ของ  NiCd
แต่แบต Lithion จะไม่เกิดเหตุการนี้ จะชาร์ตตอนไหนก็ได้ครับ

ลองหาอ่านเล่นๆในพี่กูลครับ


หัวข้อ: Re: วิธีฟื้นชีวิต แบตเตอรี่ โน้ตบุ๊ค จาก 1 ชม. ให้กลับมาเป็น 2 - 3 ชม. เหมือนเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: keang-kt ที่ 14 กรกฎาคม 2010, 22:59:14
^
^
^
^
เรื่องมีอยู่ว่า แบต Lithion ถ้าไฟหมดมันจะพังครับ
เค้าเลยให้ลองใช้แบตมือถือที่เป็น Lithium ion เหมือนกัน
มาทำให้แบตหมดแล้วดูว่าแบตพังไหม (เพราะแบตมือถือถูกกว่า)
แต่คงไม่เห็นอะไร เพราะในแพ็กเกต จะมีวงจรคอยตัดเวลาไฟเหลือน้อยกว่า 30% อยู่แล้ว
นอกจากจะแกะเหลือแต่แบตอย่างเดี่ยว แต่อย่าไปทำนะครับ เพราะถ้าไปเจอ Lithium polymer (LiPo)
ตูม....!  แน่ๆ
---
ที่เจ้าของกระทู้ว่ามา คือ Memory effect ของ  NiCd
แต่แบต Lithion จะไม่เกิดเหตุการนี้ จะชาร์ตตอนไหนก็ได้ครับ

ลองหาอ่านเล่นๆในพี่กูลครับ


batt notebook มัน lithium ทั้งนั้นไม่ใช่หรือครับ
แล้วอีกอย่างวิธีที่เจ้าของกระทู้บอกไว้ ถ้าใครใช้ notebook asus มันจะมีคำสั่งที่ทำตามวิธีนั้นอยู่ใน bios เลย
ใช้ชื่อหัวข้อประมาณว่า calibrate อะไรนี้อะครับ

แล้วอาการที่ batt ความจุน้อยลงสามารถเช็คได้ด้วยโปรแกรมที่ใช้ตรวจสอบค่า battery หรือพวกโปรแกรมอ่านค่ารายละเอียดต่างๆของเครื่อง อย่างโปรแกรมแกรม EVEREST
ให้ดูตรงหัวข้อ Wear Level ถ้าค่ามากกว่า 0% ก็แปลว่าค่าความจุของ batt มันเริ่มน้อยลง ก็ให้ทำได้เลย


หัวข้อ: Re: วิธีฟื้นชีวิต แบตเตอรี่ โน้ตบุ๊ค จาก 1 ชม. ให้กลับมาเป็น 2 - 3 ชม. เหมือนเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: UFO ที่ 15 กรกฎาคม 2010, 00:01:29
^
^
^
^
เรื่องมีอยู่ว่า แบต Lithion ถ้าไฟหมดมันจะพังครับ
เค้าเลยให้ลองใช้แบตมือถือที่เป็น Lithium ion เหมือนกัน
มาทำให้แบตหมดแล้วดูว่าแบตพังไหม (เพราะแบตมือถือถูกกว่า)
แต่คงไม่เห็นอะไร เพราะในแพ็กเกต จะมีวงจรคอยตัดเวลาไฟเหลือน้อยกว่า 30% อยู่แล้ว
นอกจากจะแกะเหลือแต่แบตอย่างเดี่ยว แต่อย่าไปทำนะครับ เพราะถ้าไปเจอ Lithium polymer (LiPo)
ตูม....!  แน่ๆ
---
ที่เจ้าของกระทู้ว่ามา คือ Memory effect ของ  NiCd
แต่แบต Lithion จะไม่เกิดเหตุการนี้ จะชาร์ตตอนไหนก็ได้ครับ

ลองหาอ่านเล่นๆในพี่กูลครับ


ส่วนมาก แบตเตอรี่ โน้ตบุ๊คจะเป็น Lithium นะครับ ซึ่งเราสามารถชาร์จตอนไหนก็ได้

อีกข้อนึงครับ Lithium-Polymer ก็สามารถชาร์จตอนไหนก็ได้เช่นเดียวกันครับ เพราะเป็นระบบที่พัฒนต่อมาจาก Li-ion ไม่มีตูมแบบที่คุณว่าหรอกครับ

เพียงแต่ว่าหากเราปล่อยให้แบตเตอรี่หมดจนเกลี้ยงบ่อยๆ แล้วชาร์จ มันจะทำให้รอบการใช้งาน Cycle charge สั้นลงเท่านั้นเองครับ ซึ่งปกตินี้ Cycle charge นี้ก็มีจำนวนมากครั้งอยู่แล้ว แทบจะเรีียกได้ว่า ชาร์จจนลืมเปลี่ยนแบตไปเลยก็ได้ครับ

การที่ปล่อยให้แบตเตอรี่ไม่ได้ถูกใช้งานเป็นเวลานานๆ มากกว่าที่จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น

อันเนื่องมาจากความคิดที่ว่า หากเสียบปลั๊กทิ้งไว้ จำเป็นต้องถอดแบตเตอรี่ออก (อันนี้สำหรับโน้ตบุ๊ครุ่นเก่าๆ ครับ)

สำหรับรุ่นใหม่นั้น มันมีระบบตัดไฟได้เองเมื่อเราทำการชาร์จไว้จนเต็มหรือเกือบเต็ม   (ที่สำคัญเสียบแบตไว้มีประโยชน์กว่า เช่น เวลาไฟดับ ...   เราจะมีไฟสำรองจากแบตเตอรี่อยู่ ซึ่งไม่ทำให้ตัวโน้ตบุ๊ค หรือโปรแกรมที่รันไว้อยู่แล้วดับปุ๊บ เสียหายได้ครับ)




หัวข้อ: Re: วิธีฟื้นชีวิต แบตเตอรี่ โน้ตบุ๊ค จาก 1 ชม. ให้กลับมาเป็น 2 - 3 ชม. เหมือนเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: dawttm ที่ 15 กรกฎาคม 2010, 13:19:18
การชาร์ตแบตเตอรี่อย่างถูกหลักวิชาการ



 
          การชาร์ตแบตเตอรี่อย่างถูกวิธีนั่นจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ไม่ให้เสื่อมสภาพเร็วเกินไป แต่ผู้ใช้งานมักจะสับสนว่าวิธีชาร์ตที่ถูกต้องนั้นต้องทำอย่างไร เพราะบางคนก็บอกว่าต้องแบตฯ หมดแล้วค่อยชาร์ต

          บางคนก็บอกว่าชาร์ตได้เลยไม่ต้องรอให้แบตฯ หมดแต่ต้องชาร์ตให้เต็มแล้วค่อยเอามาใช้ หรือบางคนก็บอกว่าชาร์ตยังไงก็ได้จะเสียบเข้าเสียบออกกี่ครั้งก็ได้ตามใจ ในหัวข้อนี้ผู้เขียนจะมาไขความจริงเกี่ยวกับแบตเตอรี่ให้กระจ่าง ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าแบตเตอรี่แบบชาร์ตไฟใหม่ได้ ที่มีใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีอยู่ 4 ประเภทครับ ซึ่งแต่ละประเภทก็มีวิธีดูแลรักษาและการชาร์ตที่ต่างกัน ดังนั้นควรดูให้แน่ใจว่าแบตเตอรี่ของคุณเป็นแบตฯ ประเภทไหน โดยดูจากข้อความที่ติดอยู่บนตัวแบตเตอรี่ หรือถ้าไม่สามารถถอดออกมาดูได้ก็ให้สอบถามไปยังผู้ผลิตอุปกรณ์ว่าแบตเตอรี่ที่แถมมานั้นเป็นแบบใด           

แบตเตอรี่แบบ Nickel-cadmium (Ni-Cd หรือ Ni-Cad)

- ใช้ไฟให้หมดเกลี้ยงก่อนแล้วจึงค่อยทำการชาร์ตไฟใหม่
- ไม่ควรชาร์ตแบบเร็ว (Quick Charge)
- นำแบตเตอรี่ออกจากที่ชาร์ตทันทีหลังจากชาร์ตเต็มแล้ว

 
(http://www.se-ed.com/home/Images/Contents/Technology/300320075055272273.jpg)


แบตเตอรี่แบบ Nickel metal hydride (NiMH)

- การชาร์ตเหมือนกับ Ni-Cd ทุกประการ  แต่สามารถใช้งานกับเครื่องชาร์ตแบบเร็ว (Quick Charge) ได้
- ไม่ควรใช้กับเครื่องชาร์ตที่ไม่ตัดไฟเมื่อแบตเตอรี่เต็มหรือเครื่องชาร์ตที่จ่ายกำลังไฟน้อยกว่ามาตรฐาน
- ในอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่ NiMH หลายก้อนพร้อมกัน เมื่อแบตเตอรี่หมด ต้องนำแบตเตอรี่มาชาร์ตไฟใหม่ทันที
- ในการใช้งานครั้งแรก หรือการใช้งานแบตเตอรี่เก่าเก็บไว้ไม่ได้ใช้งาน ต้องชาร์ตแบตเตอรี่ให้เต็มและใช้งานให้หมดไฟ 3-4 ครั้ง เพื่อกระตุ้นเซลล์แบตเตอรี่จึงจะได้ความจุแบตเตอรี่เต็มเหมือนปกติ


(http://www.se-ed.com/home/Images/Contents/Technology/300320075029272273.jpg)


แบตเตอรี่แบบ Lithium ion (Li-Ion)

- เป็นแบตเตอรี่ที่ไม่เกิด Memory Effect และไม่ต้องดูแลรักษาระหว่างใช้งานมากเหมือนแบตเตอรี่ชนิดอื่นๆ
- สามารถชาร์ตได้บ่อยครั้งตามต้องการโดยไม่มีผลทำให้แบตเตอรี่เสื่อม
- สามารถชาร์ตแบตเตอร์รี่ค้างเอาไว้นานตามต้องการโดยไม่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อม
- อายุการใช้งานของแบตเตอรี่แบบ Li-Ion ไม่ขึ้นกับวิธีการชาร์ต และจำนวนครั้งที่ชาร์ต เพราะแบตเตอรี่แบบนี้จะเสื่อมลงเองตามระยะเวลา โดยเริ่มเสื่อมตั้งแต่วันผลิตออกจากโรงงาน
- แบตเตอรี่แบบ Li-Ion ไม่ควรใช้งานจนกระทั้งแบตเตอรี่หมดไฟ

แบตเตอรี่แบบ Lithium ion polymer (Li-Poly หรือ LiPo) 

- การดูแลรักษาและอายุการใช้งานเหมือนกับ Lithium ion (Li-Ion) (สามารถชาร์ตไฟได้บ่อยตามที่ต้องการ และมีอายุการนับตั้งแต่วันที่ผลิตโดยที่รูปแบบการใช้งานและการชาร์ตจะไม่ส่งผลให้อายุการใช้งานสั้นลง)


(http://www.se-ed.com/home/Images/Contents/Technology/300320075018272273.jpg)

ที่มา : http://www. se-ed.com


หัวข้อ: Re: วิธีฟื้นชีวิต แบตเตอรี่ โน้ตบุ๊ค จาก 1 ชม. ให้กลับมาเป็น 2 - 3 ชม. เหมือนเดิม
เริ่มหัวข้อโดย: dawttm ที่ 15 กรกฎาคม 2010, 13:34:07
การที่เราชาร์จแบตเตอรี่โน้ตบุ๊กอย่างถูกวิธีนั้น จะช่วยยืดอายุการใช้งานให้มากขึ้น และแบตเตอรี่เองก็ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ มาดูเรื่องราวของการชาร์จแบตเตอรี่กันครับ




แบตเตอรี่​โน้ตบุ๊ค

       ​แบตเตอรี่โน้ตบุ๊คที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันจะเป็นชนิด Lithium Ion (Li-on) ซึ่งมีจุดเด่นตรงที่สามารถชาร์จไฟได้ตลอดเวลา โดยไม่เกิดปัญหา Memory Effect (โน้ตบุ๊คบางยี่ห้ออาจจะเลือกใช้แบตเตอรี่ชนิด Lithium Polymer (Li-Polymer) ซึ่งมีคุณลักษณะใกล้เคียงกัน แต่น้ำหนักเบากว่า)


(http://www.notebookspec.com/2008/content/tips/07nov/charge/note1.jpg)


แบตเตอรี่แบบ Li-on และ Li-Polymer จะนับการชาร์จเป็นรอบ (Cycle) โดยจะแบ่งแรงดันออกเป็น 3 ระดับคือ 1C หมายถึง การชาร์จ ณ ระดับพลังงานแบตเตอรี่มากกว่า 65-70%, 2C หมายถึง การชาร์จ ณ ระดับพลังงานแบตเตอรี่ 35-60% และ3C หมายถึงการชาร์จ ณ ระดับพลังงานต่ำกว่า 30%


เทคนิคการชาร์จแบตเตอรี่ให้คุ้มค่า

1. ​จะชาร์จเมื่อไหร่?


(http://www.notebookspec.com/2008/content/tips/07nov/charge/chargeperformance.jpg)


จากกราฟแกนแนวตั้งเป็นความจุ และแกนแนวนอนเป็นจำนวนรอบ (Cycle) ของการชาร์จ หากชาร์จแบตเตอรี่ที่ระดับ 3C จะสามารถชาร์จได้ประมาณ 300 รอบ (Cycle) ในขณะที่การชาร์จแบตเตอรี่ Li-on และ Li-Polymer ที่ระดับ 1C และ 2C จะสามารถชาร์จได้มากกว่า 400-500 รอบ (Cycle) ซึ่งสรุปได้ว่าการชาร์จที่ระดับ 1C จะทำให้พลังงานของแบตเตอรี่นั้นมีการสูญเสียพลังงานน้อยที่สุด ซึ่งหมายถึงอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่มากขึ้นนั่นเอง

       (ในความเป็นจริง การชาร์จในระดับ 2C ดูจะสมเหตุสมผลมากกว่าในระดับ 1C แต่อย่างไรก็ตามควรหลีกเลี่ยงการชาร์จในระดับ 3C เพราะจะทำให้อายุการใช้งานการแบตเตอรี่ลดลงอย่างมาก)


สรุป: ควรชาร์จแบตเตอรี่ ณ ระดับพลังงาน ที่35-60 %

2. ​จะถอดหรือจะใส่ยังไงดี?


(http://www.notebookspec.com/2008/content/tips/07nov/charge/storagecond.jpg)


มีคำแนะนำที่ว่า “หากจะไม่ได้มีการใช้โน้ตบุ๊คเป็นระยะเวลานานให้ทำการถอดแบตเตอรี่ออกจากเครื่อง” แต่ก่อนที่จะทำการถอดแบตเตอรี่ออกมาเก็บนั้นอยากจะให้ลองดูตารางด้านบนกันสักนิด ตารางนี้แสดงถึงการสูญเสียพลังงงานของแบตเตอรี่ในระดับอุณหภูมิต่างๆกัน


โดยจากตารางจะเห็นได้ว่าหากทำการเก็บแบตเตอรี่ที่อุณหภูมิปกติ (25 องศาเซลเซียส) แบตเตอรี่ที่มีความจุ 40% จะคลายประจุออกมา 4% หลังจากผ่านไป 1 ปี และยิ่งอุณหภูมิการเก็บสูงขึ้นอัตราการคลายประจุก็มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น

ในขณะที่แบตเตอรี่ที่มีความจุเต็ม​ 100% ​จะคลายประจุออกมาถึง 20% หลังจากผ่านไป 1 ปี และหากอุณหภูมิ การเก็บสูงขึ้นอัตราการคลายประจุก็จะมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน


จึงสรุปได้ว่าหากต้องการถอดและเก็บแบตเตอรี่นั้นควรให้แบตเตอรี่มีความจุ 40% และการเก็บควรเก็บในสถานที่ที่มีอากาศเย็น และไม่มีความชื้น (ตัวเลข 40% นี้เป็นค่าที่เหมาะสมที่สุดจากการทดลองในห้องแล็ป) ในทางกลับกันในกรณีที่มีการใช้งานโน้ตบุ๊ค การชาร์จแบตเตอรี่ทุกครั้งควรชาร์จให้เต็มความจุของแบตเตอรี่


3. ​แล้วถ้าเสียบปลั๊กเล่นหล่ะจะใส่หรือจะถอด?

ภายในแบตเตอรี่โน้ตบุ๊คนั้นจะมีวงจรไว้สำหรับควบคุมการชาร์จ โดยลักษณะของวงจรชาร์จแบตเตอรี่ที่พบในโน้ตบุ๊คจะมีอยู่ 2 ลักษณะคือ แบบที่ 1 ทำการชาร์จตลอดเวลาแม้ระดับความจุของแบตเตอรี่จะสูงกว่า 90% วงจรแบบนี้จะพบได้ในโน้ตบุ๊ค รุ่นเก่าๆ ส่วนแบบที่ 2 วงจรชาร์จแบตเตอรี่จะทำงานเมื่อระดับความจุของแบตเตอรี่ต่ำกว่า 90-95% (แล้วแต่ยี่ห้อ) โดยโน้ตบุ๊คส่วนใหญ่ในปัจจุบันนั้นจะใช้วงจรแบบที่ 2 นี้ เกือบทั้งหมด


ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากวงจรการชาร์จทั้ง 2 แบบ แล้วสรุปได้ว่า หาดโน้ตบุ๊คของคุณเป็นรุ่นที่ใช้แบบเตอรี่ที่มีวงจรการชาร์จแบบที่ 2 แล้ว การเสียบปลั๊กเล่นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องถอดแบตออกและจะไม่มีผลกระทบใดๆต่อแบตเตอรี่เพราะวงจรการชาร์จของแบตเตอรี่ยังไม่ได้ทำงาน (ในกรณีที่แบตเตอรี่มีความจุมากกว่า 90-95%) แต่หากแบตเตอรี่มีความจุไม่ถึงระดับ 90-95% แนะนำให้ทำการใช้งานไปจนกว่าความจุของแบตเตอรี่จะลดลงถึงระดับ 2C หรือ 1C แล้วจึงค่อยเสียบปลั๊ก


ในกรณีที่โน้ตบุ๊คของท่านเป็นรุ่นที่ใช้แบตเตอรี่ที่มีวงจรการชาร์จแบบที่ 1 (ไม่ตัดการทำงาน) ลองพิจารณาถึงข้อดี-ข้อเสียต่างๆ ดังต่อไปนี้


(http://www.notebookspec.com/2008/content/tips/07nov/charge/compare.jpg)


อย่างไรก็ตามด้วยคุณลักษณะของแบตเตอรี่แบบ  Li-on นั้นจะมีการคลายประจุออกมาอยู่แล้วในอัตรา 10 % ต่อ 1 เดือน (ที่อุณหภูมิการใช้งาน) และอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ของโน้ตบุ๊คก็จะไม่เกิน 2-3 ปี แต่หากมีการใช้งานอย่างถูกต้องเหมาะสมก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้ยาวนานขึ้น

ที่มา : http://www.notebookspec.com

ขอมอบความดี ให้กับคุณ UFO และทุกคนที่จุดประกายความรู้