นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า การพิจารณาปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคครัวเรือนจะเกิดขึ้นหลังจัดทำมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยแล้วเสร็จในช่วงเดือน มิ.ย.นี้โดยจะทยอยปรับขึ้นเดือนละ 50 สตางค์ (สต.) เป็นระยะเวลา 12 เดือน เพื่อให้ราคาไปอยู่ที่กก.ละ 24.82 บาท ตามกรอบเพดานที่ได้กำหนดไว้ ส่วนแอลพีจีภาคขนส่งจะทยอยปรับขึ้นราคาเช่นกัน แต่จะรอให้ราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนที่ทยอยปรับขึ้น ไปเท่ากับราคาภาคขนส่งในขณะนี้ที่กก.ละ 21.38 บาทก่อน จากนั้นจะปรับราคาขึ้นทั้งภาคครัวเรือนและภาคขนส่งไปพร้อมๆกัน เดือนละ 50 สต.ต่อกก.
“มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับผลกระทบจากการปรับราคาแอลพีจี ในกลุ่มของหาบเร่ แผงลอย จะทำเป็นบัตรส่วนลดให้ไปยื่นกับร้านค้า น่าจะมีจำนวน 150,000 ราย จากเดิมที่คาดไว้ 500,000 ราย เนื่องจากพ่อค้าแม่ค้าบางรายปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือตอบแบบสอบถาม เพราะเกรงว่าจะถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง”
นอกจากนี้ยังจะช่วยเหลือในกลุ่มของผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 90 หน่วยต่อเดือน ซึ่งพบว่ามีจำนวน 7.4 ล้านราย โดยจะชดเชยด้วยการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร ซึ่งอัตราการชดเชยจะให้รายละ 6 กก.จากส่วนต่างที่จะปรับขึ้นเดือนละ 50 สต. เป็นเวลา 12 เดือน หรือปรับขึ้นอีก 6 บาท คิดเป็นเงินที่ชดเชยให้ 36 บาทต่อเดือน โดยจะสรุปจำนวนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งจะได้รับการชดเชยราคาแอลพีจี ให้เสร็จในสิ้นเดือน เม.ย.นี้ หลังจากนั้นจะพิจารณาแนวทางการปรับราคา และมาตรการช่วยเหลือในเดือน พ.ค. ดังนั้น การปรับราคาแอลพีจีครัวเรือนจะดำเนินการได้ในเดือน มิ.ย.นี้
ด้านนายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) กล่าวว่า ขณะนี้ปริมาณถังบรรจุก๊าซแอลพีจีในครัวเรือนค่อนข้างที่จะตึงตัว เนื่องจากมีการลักลอบนำแอลพีจีไปจำหน่ายในประเทศเพื่อนบ้านแล้วไม่ส่งถังกลับคืนมา รวมถึงโรงบรรจุก๊าซบางแห่งสั่งซื้อถังบรรจุในปริมาณที่สูงเกินความจำเป็น โดยแจ้งเป็นก๊าซในครัวเรือน แต่แอบนำไปลักลอบจำหน่ายในภาคขนส่ง ซึ่งมีส่วนต่างราคาที่สูงกว่าภาคครัวเรือนถึง 3.70 บาทต่อกก. ธพ.จึงได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารในการตรวจสอบการใช้ก๊าซผิดประเภทและการลักลอบไปจำหน่ายในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเข้มงวด.
โดย: ทีมข่าวเศรษฐกิจ
ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์