15 พฤษภาคม 2024, 15:16:50 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เว็บบอร์ด   ช่วยเหลือ ซื้อขายสินค้า Shop เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ:  ตำนาน MK อีก1ความภาคภูมิใจของคนไทย  (อ่าน 1900 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
^SuRaYoOt^
Global Moderator
**


สูงต่ำอยู่ที่เราทำตัว ดีหรือชั่วอยู่ที่ตัวเราทำ
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
ID number: 6
กระทู้: 14423
$3658.87 credits

View Inventory
Send Money to ^SuRaYoOt^

Referrals: 0
คำขอบคุณ
-ได้ให้: 1788
-ได้รับ: 69258



พลังชีวิต
0%


« เมื่อ: 23 ตุลาคม 2009, 05:53:43 »


คงจะจำกันได้ว่า เมื่อปีที่แล้วทีมงานซอกแซก กลับไปตะลุยสำรวจ ร้านอาหารที่เคยอยู่ ในความนิยม ของคน กรุงเทพฯเมื่อ 40-50 ปีก่อน แล้วนำมาเขียน บอกเล่าในคอลัมน์นี้
พบว่าหลายๆ ร้านต้องเลิกราไป อย่างน่าเสียดาย หลายๆร้านยังคงอยู่ แต่ฝีมือถดถอยลงไปมาก

มีอยู่เพียงไม่กี่ร้านเท่านั้น ที่พัฒนาตัวเองดีขึ้น และยังดำรงกิจการอยู่ในปัจจุบัน

ที่พัฒนามากที่สุดจนกลายเป็น "แฟรนไชส์" ขยายตัวอย่างกว้างขวาง เท่าที่นึกออกช่วงนั้นมีเพียงร้านเดียวเท่านั้น คือห้องอาหาร "สีฟ้า" ที่ร้านเก่าเล่ายี่ห้อเคยอยู่แถวๆราชวงศ์เมื่อ พ.ศ.2479

วันนี้ ทีมงานซอกแซกจะขอซอกแซกอีกร้านหนึ่งที่เติบโต อย่างน่าอัศจรรย์จนกลายเป็นเครือข่ายใหญ่และมีสาขาทั่วประเทศ

แม้จะไม่ใช่อาหารดั้งเดิมที่ร้านนี้เคยดังมาก่อนก็ตาม

 

นั่นก็คือ เอ็มเค เรสเตอรองต์ส หรือ เอ็มเค สุกี้ ที่รู้จักกันอย่างดีในฐานะร้านสุกี้ที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทยปัจจุบัน

นิสิตจุฬาฯหลายๆคนเมื่อ 40 ปีก่อน ยังจำร้านอาหารเอ็มเคที่สยามสแควร์ได้จนถึงบัดนี้

เพราะนอกจากรสอาหารจะอยู่ในเกณฑ์ดีพอ สมควรแล้ว เจ้าของร้านที่ชื่อ ทองคำ เมฆโต ยังใจดีมีเมตตา ยินยอมให้นิสิตเซ็นบิลไว้ก่อน...มีเงินเมื่อไรค่อยมาจ่ายให้ป้าอยู่เสมอๆ

 

ป้า ทองคำ เป็นคนชัยนาท และเข้ากรุงมาเป็นแม่ครัวให้แก่เจ้าของร้านชาวฮ่องกงที่ชื่อ Makong King Yee เมื่อ พ.ศ.2505

ชื่อร้านเอ็มเค เป็นชื่อย่อของเจ้าของกิจการดั้งเดิมนี่เอง

ไม่นานนัก เจ้าของร้านก็บอกขายกิจการให้ป้าทองคำ เพื่อเดินทางไปอยู่ที่บอสตัน

ขายกันอย่างกันเองชนิดมีเมื่อไรค่อยจ่ายเมื่อนั้น เพราะป้าทองคำนั้นมีแต่ฝีมือทำอาหารเท่านั้น ไม่มีเงินทองเป็นถุงเป็นถังเหมือนคนอื่นๆ

หลังจากเทกโอเวอร์กิจการมาแล้ว ป้าทองคำยังคงใช้ชื่อร้านว่า เอ็มเคตลอดมา และก็เจริญรุ่งเรือง เรื่อยมาตามอัตภาพ

อาหารหลักของร้านในยุคที่ป้าทองคำเป็นเจ้าของก็คือ ปลาช่อนแป๊ะซะ เนื้อตุ๋น กับอาหารประเภทยำรสแซบต่างๆ

ประมาณปี 2527 ลูกค้าเจ้าประจำคนหนึ่งของป้าที่สยามสแควร์ ก็ชวนป้าให้ไปขึ้นห้างที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว

 

ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก เจ้าสัว สัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ ประธานใหญ่ของห้างเซ็นทรัล ในยุคนั้นนั่นเอง

ป้าทองคำยังคงใช้ชื่อเอ็มเคเหมือนเดิม แต่เติมคำว่ากรีนลงไปด้วย เป็น กรีน เอ็มเค ที่หลายๆคนคงจะพอนึกออก

มาถึงยุคนี้ ลูกสาวของป้าที่นิสิตจุฬาฯยุคโน้นเรียกกันติดปากว่า "น้องแจ๊ว" หรือ ยุพิน ก็กระโดดมาช่วยแม่อีกแรงหนึ่ง

แถมยังดึงสามี ฤทธิ์ ธีระโกเมน บัณฑิตวิศวกรรมศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์ฯ ให้มาช่วยเป็นบางเวลาแบบดาราสมทบ

แล้ววันหนึ่งดวงจะเป็น เศรษฐีใหญ่ของป้าทองคำก็บันดาลให้เจ้าสัวสัมฤทธิ์ จิราธิวัฒน์ ต้องเจอกับปัญหาบางอย่างในห้างเซ็นทรัล ลาดพร้าว

เหตุเพราะเนื้อที่บริเวณหนึ่งที่ห้างกันไว้เพื่อจะใช้เปิดธนาคารสาขาอีกสักแห่งหนึ่ง เกิดว่างลงไม่สามารถเปิดได้ เพราะขัดกฎแบงก์ชาติสมัยนั้น ที่บอกว่าในห้างควรมีธนาคารสาขาเพียงแห่งเดียว

คุณสัมฤทธิ์ก็มาบอกป้าทองคำว่า ป้าช่วยเอาพื้นที่ว่างส่วนนี้ไปทำร้านอาหารอีกสักร้านได้ไหม...ผมอยากได้ร้านสุกี้ เพราะที่ห้างเรายังไม่มี

ป้าเคยทำแต่อาหารไทย ไม่เคยทำสุกี้ แต่ก็คิดว่าคงไม่ยาก เพราะของมันเรียนกันได้ จึงเรียกลูกสาวและลูกเขยมาปรึกษาหารือ และในที่สุดทุกคนก็เห็นตรงกันว่า...ลุย

ตัวลูกเขยเองถึงขนาดลาออกจากงานเก่าที่เคยทำ และเงินเดือนดีมากอยู่แล้ว กระโดดเข้ามาช่วยภรรยากับแม่ยายเต็มตัว

แล้วร้านเอ็มเคในสไตล์สุกี้แห่งแรกก็ เกิดขึ้น ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว เมื่อปี 2529

บัณฑิตวิศวกรรมศาสตร์ที่หันมาเอาดีทางธุรกิจอาหารเล่าว่า ความจริงผมก็ใช้วิชาวิศวะนี่แหละเข้ามาช่วยกิจการ

คือออกแบบหม้อปรุงไฟฟ้าที่ปลอดภัยและไม่ต้องกลัวว่า จะระเบิดตูมตามเหมือนใช้เตาแก๊ส...ออกมาใช้

คำว่า "ปลอดภัย" คำเดียว ทำให้เอ็มเคสุกี้ติดตลาดในชั่วพริบตา และในที่สุดก็ขยายออกไปเรื่อยๆ

ต่อมาคำว่า "อร่อย" "สะอาด" และ "รวดเร็ว" ก็เข้ามาเสริม...ส่งผลให้เอ็มเคสุกี้กลายเป็นขวัญใจลูกค้า แซงหน้าสุกี้ยี่ห้อเก่าๆไปโดยสิ้นเชิง

พลัง 3 ประสาน ป้าทองคำ-ลูกเขยฤทธิ์ และลูกสาวแจ๊ว (ยุพิน) สามารถขับเคลื่อนเอ็มเคสุกี้ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 มาได้อย่างไม่น่าเชื่อ

มาถึงวันนี้ เอ็มเคสุกี้มีสาขาทั้งหมด 180 สาขา และมีเป้าจะให้ครบ 200 สาขา ในปี 2548

ยอดขายเอ็มเคสุกี้ปีล่าสุดกว่า 6,000 ล้านบาททั่วประเทศ และยอดเสียภาษีทุกประเภทจากเอ็มเค ก็สูงถึงกว่า 600 ล้านบาท เมื่อปีกลาย

ส่งผลให้เอ็มเคต้องตั้งโรงงานผลิตอาหารสารพัดชนิดสำหรับปรุงสุกี้ขึ้นมาถึง 2 โรงงาน และต้องใช้รถสำหรับขนส่งอาหารไปร้านต่างๆอีกกว่า 100 คัน

สำหรับคนงานนั้น ล่าสุดตัวเลขขึ้นไป 10,000 กว่าคนแล้ว

เมื่อปีกลายนี่เอง สำนักพิมพ์ ทิปปิ้ง พอยท์ จำกัด ได้พิมพ์พ็อกเกตบุ๊กด้านการตลาดที่ขายดีเล่มหนึ่ง ในชื่อ "Thai Brand" โดย ชวพล ศิริพจนานนท์ ยกย่องให้ เอ็มเคสุกี้ เป็น 1 ใน 15 สินค้าแบรนด์ไทยอันทรงคุณค่า

เคียงบ่าเคียงไหล่กับสินค้าที่เรารู้จักดี อาทิ แป้งตรางู, นํ้าปลาตราปลาหมึก, ทิฟฟี่, มาลี, ยาขมคั้นกี่ นํ้าเต้าทอง, โก๋แก่, เบียร์สิงห์, แม่โขง, กระทิงแดง ฯลฯ

อ้อ! ลืมบอกไปว่า เอ็มเคสุกี้นั้น โกอินเตอร์ ออกไปสู่ต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว

ประเทศแรกก็คือ ญี่ปุ่น เจ้าตำรับสุกี้และชาบู ชาบู นี่แหละ

ขณะนี้เอ็มเคมีร้านสุกี้สาขาที่ญี่ปุ่น 9 แห่ง ที่เมืองนางาซากิและฟูกูยากะ และวางแผนจะตะลุยเข้าโตเกียวในไม่นานเกินรอ

ไม่แน่นาครับ...อีกไม่นานปีข้างหน้า คนญี่ปุ่นอาจจะลืมสุกี้สไตล์ญี่ปุ่นไปเลยก็ได้... หันมากินสุกี้แบบไทยๆแทน เพราะติดใจ "น้ำจิ้ม" รสแซบ ที่ใครๆก็ปรุงไม่ได้ นอกจากคนไทย.
บันทึกการเข้า

ไม่รับตอบปัญหาทาง PM  ไม่ต้องขอโปรแกรมทุกชนิดทาง PM

 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP

Powered by SMF 1.1.10 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC
SimplePortal 2.3.5 © 2008-2012, SimplePortal | Thai language by ThaiSMF

SMFAds for Free Forums
© Copyrights 2010 navthai.com mod by trex_ln
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.099 วินาที กับ 35 คำสั่ง